นายกัณวีร์ สืบแสง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ภาพเอกสารใบลาออกจากสมาชิกพรรคการเมืองพร้อมระบุข้อความว่า
"พี่น้องประชาชนที่เคารพทุกท่าน ผมคือหนึ่งใน สส.ที่โหวตให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้ผมต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ผมประเมินสถานการณ์ผิดพลาดอย่างร้ายแรง แม้ว่าผมจะเป็นหนึ่งเสียง ที่ไม่มากพอที่จะทำให้ผลลัพธ์เปลี่ยนไปในครั้งที่แล้ว
บทเรียนครั้งนี้สอนผมอย่างเจ็บปวดว่า ไม่ว่าคำอธิบายจะสวยหรูแค่ไหน สุดท้ายแล้ว คนที่ต้องจ่ายราคาคือประชาชน ราคาที่ว่าคือชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน จากการบริหารงานที่ล้มเหลวในการจัดการวิกฤตอุทกภัย คือชีวิตที่สูญเสียจากสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียดลุกลาม คือการปล่อยให้รัฐธรรมนูญฉบับเดิมและโครงสร้างอำนาจแบบเดิมๆ กดทับสังคมไทยต่อไป
ผมจึงขอรับผิดชอบ ในฐานะคนหนึ่งที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของระบบพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่คิดคำนวณทางการเมืองบนความหวังว่าจะรักษาความบริสุทธิ์ทางอุดมการณ์ของตัวเอง แต่กลับปล่อยให้รัฐบาลที่ไม่ได้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางถืออำนาจบริหารต่อไป
ในครั้งต่อไป ถ้าประชาชนยังไว้วางใจเลือกผมเข้าไปในสภา ผมจะไม่ยอมยืนอยู่แค่ในมุมที่สบายของฝ่ายค้าน โดยปล่อยให้ฝ่ายบริหารกำหนดชีวิตประชาชนแทนเราอีกต่อไป
ไม่ว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะยากแค่ไหน ไม่ว่าต้องเจรจา ฝ่าด่านผลประโยชน์ หรือถูกกดดันเพียงใด ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เสียงของพี่น้องประชาชนที่ยึดโยงกับผมได้เข้าไปอยู่ในฝ่ายบริหารให้ได้
ไม่ใช่เพื่อเก้าอี้!! แต่เพื่อให้มีคนที่กล้ายืนอยู่ในโต๊ะที่ตัดสินใจได้ว่าอะไรสร้างผลเสียกระทบชีวิตประชาชน อะไรทำลายอนาคตประเทศ ผมไม่รู้ว่าคำพูดแบบนี้จะถูกใจทุกคนหรือไม่ แต่ผมเลือกที่จะซื่อสัตย์กับบทเรียนที่ผมได้เรียนรู้ว่าถ้าเราไม่ยอมเข้าไปรับผิดชอบในอำนาจบริหาร เราก็กำลังปล่อยให้คนอื่นใช้ชีวิตของประชาชนเป็นเดิมพันแทนเรา
ผมทราบดีว่ามันอาจยังเร็วเกินไปที่จะมาขอโอกาสใหม่ แต่ผมก็ต้องหน้าชาและยอมรับความผิดพลาด เพื่อขอโอกาสจากพี่น้องประชาชนอีกครั้ง ถ้าวันหนึ่งท่านเห็นว่าสมควรให้ผมกลับไปรับใช้ในสภาอีก ผมขอสัญญาว่าจะไม่ใช้ "อุดมการณ์" หรือ "กลยุทธ์ทางการเมือง" เป็นข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบฝ่ายบริหารอีกต่อไปและจะทำทุกอย่างให้สมกับคำว่า "ตัวแทนของประชาชน" อย่างแท้จริงขอโทษจากใจจริงครับ
"พี่น้องประชาชนที่เคารพทุกท่าน ผมคือหนึ่งใน สส.ที่โหวตให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้ผมต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ผมประเมินสถานการณ์ผิดพลาดอย่างร้ายแรง แม้ว่าผมจะเป็นหนึ่งเสียง ที่ไม่มากพอที่จะทำให้ผลลัพธ์เปลี่ยนไปในครั้งที่แล้ว
บทเรียนครั้งนี้สอนผมอย่างเจ็บปวดว่า ไม่ว่าคำอธิบายจะสวยหรูแค่ไหน สุดท้ายแล้ว คนที่ต้องจ่ายราคาคือประชาชน ราคาที่ว่าคือชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน จากการบริหารงานที่ล้มเหลวในการจัดการวิกฤตอุทกภัย คือชีวิตที่สูญเสียจากสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียดลุกลาม คือการปล่อยให้รัฐธรรมนูญฉบับเดิมและโครงสร้างอำนาจแบบเดิมๆ กดทับสังคมไทยต่อไป
ผมจึงขอรับผิดชอบ ในฐานะคนหนึ่งที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของระบบพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่คิดคำนวณทางการเมืองบนความหวังว่าจะรักษาความบริสุทธิ์ทางอุดมการณ์ของตัวเอง แต่กลับปล่อยให้รัฐบาลที่ไม่ได้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางถืออำนาจบริหารต่อไป
ในครั้งต่อไป ถ้าประชาชนยังไว้วางใจเลือกผมเข้าไปในสภา ผมจะไม่ยอมยืนอยู่แค่ในมุมที่สบายของฝ่ายค้าน โดยปล่อยให้ฝ่ายบริหารกำหนดชีวิตประชาชนแทนเราอีกต่อไป
ไม่ว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะยากแค่ไหน ไม่ว่าต้องเจรจา ฝ่าด่านผลประโยชน์ หรือถูกกดดันเพียงใด ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เสียงของพี่น้องประชาชนที่ยึดโยงกับผมได้เข้าไปอยู่ในฝ่ายบริหารให้ได้
ไม่ใช่เพื่อเก้าอี้!! แต่เพื่อให้มีคนที่กล้ายืนอยู่ในโต๊ะที่ตัดสินใจได้ว่าอะไรสร้างผลเสียกระทบชีวิตประชาชน อะไรทำลายอนาคตประเทศ ผมไม่รู้ว่าคำพูดแบบนี้จะถูกใจทุกคนหรือไม่ แต่ผมเลือกที่จะซื่อสัตย์กับบทเรียนที่ผมได้เรียนรู้ว่าถ้าเราไม่ยอมเข้าไปรับผิดชอบในอำนาจบริหาร เราก็กำลังปล่อยให้คนอื่นใช้ชีวิตของประชาชนเป็นเดิมพันแทนเรา
ผมทราบดีว่ามันอาจยังเร็วเกินไปที่จะมาขอโอกาสใหม่ แต่ผมก็ต้องหน้าชาและยอมรับความผิดพลาด เพื่อขอโอกาสจากพี่น้องประชาชนอีกครั้ง ถ้าวันหนึ่งท่านเห็นว่าสมควรให้ผมกลับไปรับใช้ในสภาอีก ผมขอสัญญาว่าจะไม่ใช้ "อุดมการณ์" หรือ "กลยุทธ์ทางการเมือง" เป็นข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบฝ่ายบริหารอีกต่อไปและจะทำทุกอย่างให้สมกับคำว่า "ตัวแทนของประชาชน" อย่างแท้จริงขอโทษจากใจจริงครับ


