นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ว่า ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ หลังศาล รธน.ตัดสินคดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมนักการเมือง โดยนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร จะรอดหรือไม่รอดก็ตาม แต่ในวันเดียวกันนั้นคณะรวมพลังแผ่นดินฯ จะแถลงท่าทีเคลื่อนไหวของฝ่ายประชาชนเพื่อเป็นแนวทางนำสู่อนาคตของบ้านเมือง
"ต้องการสื่อความว่า อำนาจจะนำไปสู่อะไรและจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม โดยเราไม่ก้าวล่วงการตัดสินของศาล รธน. แต่จะบอกท่าทีของประชาชนว่า เราจะทำอะไรเมื่อนายกฯ รอดหรือไม่รอด เราจะปล่อยให้ทุกอย่างไหลลื่นเอาประชาชนเป็นของตายใครไม่ได้"
อีกทั้งกล่าวว่า ไม่ว่าผลคำตัดสินจะออกเช่นใด คือ นายกฯ อุ๊งอิ๊ง รอดหรือไม่รอดก็ตาม จะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชน และการแถลงข่าวจะมีขึ้นในช่วงประมาณบ่าย 3 ครึ่งที่ รร.รัตนโกสินทร์ โดยจะอธิบายท่าทีแต่ละสถานการณ์ และทุกแนวทางนั้นจะยึดประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
นายจตุพร กล่าวว่า ชนวนหรือต้นเหตุของสงครามชายแดนไทย-กัมพูชามาจากคลิปเสียงนายกฯ อุ๊งอิ๊ง กับอังเคิลสมเด็จฮุนเซน ประธานวิฒิสภากัมพูชา และเป็นคดียื่นถอดถอนพ้นตำแหน่งนายกฯ ซึ่งศาล รธน.จะตัดสินในวันที่ 29 ส.ค.นี้
พร้อมทั้งกล่าวว่า หากนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ไม่รอดและถูกถอดถอนจากตำแหน่ง ใครก็ตามจะมาเป็นนายกฯ ใหม่ ก็มาจากองคาพยพเดิม ย่อมไม่เกิดการแก้ปัญหา ดังนั้น จึงหวังว่า แต่ละส่วนองค์กรที่ทำหน้าที่ ต้องคิดเพื่อชาติบ้านเมืองเป็นหลัก โดยยึดข้อเท็จจริงและกฎหมายปกป้องผลประโยชน์โดยรวมของชาติบ้านเมืองไว้
"ถ้าแต่ละคนคิดเอาตัวรอด ทำตัวเป็นธุระไม่ใช่ และอีกไม่นานก็ไปแล้ว จึงเก็บเกี่ยวแต่ผลประโยชน์ โดยไม่คิดว่าประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ซึ่งทุกเรื่องไม่มีความลับอยู่แล้ว แต่เต็มไปด้วยข้อติฉินนินทา ดังนั้น ประเทศไทยควรจะเดินในหลักที่ถูกต้อง ส่วนการอยากอยู่ในอำนาจนั้น ปัญหาคือว่าอยู่แล้วคุณทำอะไรหรือเปล่า สิ่งสำคัญคนที่มาใหม่ (นายกฯ) ต้องไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับทางฝั่งกัมพูชา"
นายจตุพร กล่าวว่า ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาไม่มีวันจบ สถานการณ์ที่หนองจาน จ.สระแก้ว สะท้อนถึงกัมพูชาแปลงยุทธวิธีสร้างปัญหาเป็นรายวันได้ตลอด โดยเอาชาวบ้านนำการทหาร ส่วนการตอบโต้ของไทยด้วยวิธีเจรจาทำให้ปัญหาไม่จบสิ้น
ส่วน MOU43 และ MOU44 ซึ่งปัญหาการปักปันเขตแดนนั้น ถ้าการเจรจามีผลสำเร็จจะเกิดปัญหาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร แต่มีการยินยอมให้กัมพูชามาครอบครองดินแดน ส่วนไทยนิ่งเฉยทำตัวเป็นผู้เสียสละแบบโง่ๆ ดังนั้น ต้องยกเลิก แล้วทำ MOU ขึ้นมาใหม่ให้เกิดผลบังคับอย่างจริงจัง อาจเป็น MOU 68 ก็ได้
"ที่บอกว่า MOU 43 เป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาให้เกิดความสงบ ดังนั้นกระทรวงการต่างประเทศต้องตอบตัวเองเช่นกันว่า ที่ผ่านมามัวไปทำอะไรอยู่ เพราะการปล่อยปละละเลย ยินยอมให้กัมพูชารุกคืบเข้ามาครอบครองดินแดนตั้งแต่ต้นถึงทั้ง 11 จุด จนเกิดปัญหาในวันนี้ และ MOU เป็นเครื่องมือรักษาแผ่นดินไว้ได้หรือเปล่า"
พร้อมทั้งกล่าวว่า ภายใต้ MOU 43 ดำรงอยู่ทำให้ไทยเสียเปรียบตลอดเวลา เมื่อกองทัพภาคที่ 2 เอาจริงทางการทหาร ก็เหมือนไปรื้อขยะที่ซุกไว้ใต้พรม ซึ่งแสดงว่า แผ่นดินเรามีปัญหาจนน่าละอายกันจริงๆ โดยแต่ละหน่วยงานไม่ได้ทำหน้าที่กันเต็มที่ เอาแต่เฝ้าดูการมาครอบครองดินแดน จนเสียทีให้กัมพูชา กระทั่งทหารยุคนี้ต้องทำหน้าที่ทวงผืนแผ่นดินคืนด้วยความชอบธรรม
นายจตุพร กล่าวถึงโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของพรรคเพื่อไทยที่เริ่มให้ลงทะเบียนว่า ข้อเท็จจริงเพื่อแสดงถึงความพยายามและซื้อเวลาให้รัฐบาล สิ่งสำคัญ ถ้าต้องการให้เก็บ 20 บาทตลอดสายแล้ว จะให้ประชาชนลงทะเบียนให้ยุ่งยากทำไม
"เหตุผลให้ลงทะเบียน รัฐบาลต้องการสร้างปัญหา สร้างอุปสรรคทางกฎหมาย เพราะไม่สามารถทำได้ตามเวลาสัญญาไว้และคงหาเรื่องนำเงินจำนวนมากมาอุดหนุนเอกชนสัมปทานรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นภาระหน้าที่เงินภาษีของประชาชนนำมาชดเชยกับนโยบายหาเสียง แล้วยังมองประชาชนเป็นคนโง่อีก ซึ่งไม่แตกต่างการแจกเงินแล้วอ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ”
ประเทศไทยต้องมาก่อน