xs
xsm
sm
md
lg

"รสนา"รุกนโยบาย"กัญชา"รับจดแจ้ง-จัดหาให้ทุกครัวเรือนแบบ One Stop Service ดีเดย์ 9 มิ.ย.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 7 โพสต์เฟซบุ๊กขอเสียงสนับสนุน รุกนโยบายรับจดแจ้งและจัดหาต้นกัญชาให้ทุกครัวเรือนใน กทม. แบบ One Stop Service ได้ทันที เริ่ม 9 มิถุนายนนี้

น.ส.รสนา ระบุว่า "นับเป็นเวลายาวนานถึง 40 ปีที่ประเทศไทยจัดให้กัญชาเป็นสารเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 โดยห้ามมิให้ผู้ใดเสพหรือนำไปใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วย หรือนำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ และยังกำหนดโทษทั้งผู้เสพและผู้ครอบครองอย่างรุนแรงเอาไว้ด้วย ทำให้คนไทยเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างสิ้นเชิง

ทั้งที่กัญชาจัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ (Bioactive Compounds) มากกว่า 400 ชนิด จึงมีประโยชน์ทางการแพทย์มากมาย เช่น การใช้รักษาอาการปวดเรื้อรัง โดยเฉพาะอาการปวดที่เกิดจากการมีกระแสประสาทที่ผิดปกติ หรืออาการปวดที่เกิดจากโรคมะเร็ง และภาวะกล้ามเนื้อเกร็งเนื่องจากภาวะปลอกประสาทอักเสบ โดยใช้สาร THC และ CBD ซึ่งการใช้ประโยชน์จากสารเหล่านี้ในต่างประเทศได้มีการพัฒนาและขอจดสิทธิบัตรจำนวนมาก

จนกระทั่งดิฉันและเครือข่ายกัญชา ได้เริ่มจุดกระแสเคลื่อนไหวให้ยกเลิกสิทธิบัตรกัญชาต่างชาติ จนกว่าคนไทยจะสามารถมีสิทธิบัตรกัญชาเป็นของไทยเราเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยซึ่งมีกัญชาพันธุ์ดี กลับไม่ได้รับประโยชน์จากกัญชาเลย ดิฉันและเครือข่ายกัญชายังเคลื่อนไหวต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 มีการประกาศพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 อันเป็นการเริ่มเปิดประตูในการใช้ประโยชน์จากกัญชา ทั้งมิติด้านการวิจัยสารสกัดและการอนุญาตให้ประชาชนใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคและในทางการแพทย์ได้

นอกจากนั้น ดิฉันและเครือข่ายกัญชา ได้เคยทำหนังสือถึงทุกพรรคการเมืองให้แสดงจุดยืนในเรื่องการให้กัญชาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2562 จนกระทั่งมีพรรคการเมืองหนึ่งได้ชูเป็นนโยบายการหาเสียงจนประสบความสำเร็จ และได้กลายเป็นนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขกฎหมายทั้งหลายให้สามารถมาใช้ในทางการแพทย์ได้มากขึ้นตามลำดับ โดยสามารถนำมาปรุงอาหารและเครื่องดื่ม และแปรรูปเป็นเวชสำอางค์ได้มากขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ด้วยกฎกติกาที่เคร่งครัดและยุ่งยาก ทำให้กัญชาของภาครัฐไม่ได้ถูกจ่ายให้กับประชาชนโดยง่าย มีกัญชาภาครัฐจำนวนมากหมดอายุไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ยังมีประชาชนจำนวนมากต้องไปแสวงหากัญชาใต้ดินเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายอาการ เช่น ทำให้นอนหลับ ลดความเครียด ลดอาการพาร์กินสัน ลดอาการปวด และลดผลกระทบจากการรักษาโรคมะเร็ง ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม กัญชาใต้ดินนั้นยังมีความเสี่ยงในเรื่องการปนเปื้อนสารพิษ ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก และยังอาจมีราคาแพง และคุณภาพไม่ดี ทำให้ผู้บริโภคที่ต้องการใช้กัญชาไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสม และยังอาจมีความสุ่มเสี่ยงต่อการถูกเลือกปฏิบัติและรีดไถจากเจ้าหน้าที่รัฐในการดูแลสุขภาพด้วย

ต่อมา เมื่อมี พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 โดยได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อกต้นกัญชาทุกส่วนจากการเป็นยาเสพติด ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วัน ส่งผลให้ในวันที่ 9 มิถุนายน เป็นวันดีเดย์ที่ประชาชนจะมีเสรีในการครอบครอง "ต้นกัญชา" เพื่อสุขภาพไว้ในครัวเรือน

จริงอยู่ เงื่อนไขสำคัญในการครอบครองต้นกัญชาเช่นในกรุงเทพฯเป็นเพียงการ "จดแจ้ง" โดยผู้ว่าฯ กทม. แต่ในทางปฏิบัติหากผู้ว่าฯ ไม่ใส่ใจและไม่เข้าใจในเรื่องกัญชาเพื่อสุขภาพอย่างถ่องแท้แล้ว การจดแจ้งต้นกัญชาเพื่อปลูกไว้ในครัวเรือนที่ดูเหมือนง่าย ก็จะกลายเป็นของยากเย็นแสนเข็ญไปเลย เช่น การรับจดแจ้งช้า การถ่วงเวลา การมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ฯลฯ

พี่น้องประชาชนย่อมทราบดีว่า ดิฉันและเครือข่ายได้ต่อสู้มาเพียงไรกว่าที่จะมีการปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติดในวันนี้ ทั้งดิฉันยังทราบกระบวนการและขั้นตอนการจดแจ้งกัญชาเป็นอย่างดี ทั้งยังมีเครือข่ายในการเป็นธุระจัดหาต้นกัญชาพันธุ์ดีเพื่อสุขภาพไว้สำหรับปลูกในทุกครัวเรือนในกรุงเทพฯ

ดิฉันขอประกาศว่า นโยบายรับจดแจ้งและช่วยให้ทุกครัวเรือนเข้าถึงกัญชาแบบอย่างสะดวกและรวดเร็วแบบ One Stop Service และจะเป็นจริงได้หลังวันที่ 9 มิถุนายนนี้ หากพี่น้องชาว กทม.ไปเลือกตั้งวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 ให้ความไว้วางใจเลือกดิฉ้นเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เลือก รสนา กาเบอร์ 7"