“รสนา” รุกนโยบายรับจดแจ้งและจัดหาต้นกัญชาให้ทุกครัวเรือนใน กทม.แบบ One Stop Service ได้ทันที เริ่ม 9 มิ.ย.นี้
วันนี้ 24 เมษายน 2565 น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครรับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 7 ได้โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก “รสนา โตสิตระกูล” ว่า
นับเป็นเวลายาวนานถึง 40 ปีที่ประเทศไทยจัดให้กัญชาเป็นสารเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 โดยห้ามมิให้ผู้ใดเสพหรือนำไปใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วย หรือนำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์และยังกำหนดโทษทั้งผู้เสพและผู้ครอบครองอย่างรุนแรงเอาไว้ด้วย ทำให้คนไทยเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างสิ้นเชิง
ทั้งที่กัญชา จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ (Bioactive Compounds) มากกว่า 400 ชนิด จึงมีประโยชน์ทางการแพทย์มากมาย เช่น การใช้รักษาอาการปวดเรื้อรัง โดยเฉพาะอาการปวดที่เกิดจากการมีกระแสประสาทที่ผิดปกติ หรืออาการปวดที่เกิดจากโรคมะเร็ง และภาวะกล้ามเนื้อเกร็งเนื่องจากภาวะปลอกประสาทอักเสบ โดยใช้สาร THC และ CBD ซึ่งการใช้ประโยชน์จากสารเหล่านี้ในต่างประเทศได้มีการพัฒนาและขอจดสิทธิบัตรจำนวนมาก
จนกระทั่งดิฉันและเครือข่ายกัญชา ได้เริ่มจุดกระแสเคลื่อนไหวให้ยกเลิกสิทธิบัตรกัญชาต่างชาติ จนกว่าคนไทยจะสามารถมีสิทธิบัตรกัญชาเป็นของไทยเราเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยซึ่งมีกัญชาพันธุ์ดีกลับไม่ได้รับประโยชน์จากกัญชาเลย ดิฉันและเครือข่ายกัญชายังเคลื่อนไหวต่อเนื่องจนกระทั่ง เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 มีการประกาศพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 อันเป็นการเริ่มเปิดประตูในการใช้ประโยชน์จากกัญชา ทั้งมิติด้านการวิจัยสารสกัดและการอนุญาตให้ประชาชนใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคและในทางการแพทย์ได้
นอกจากนั้น ดิฉันและเครือข่ายกัญชา ได้เคยทำหนังสือถึงทุกพรรคการเมืองให้แสดงจุดยืนในเรื่องการให้กัญชาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2562 จนกระทั่งมีพรรคการเมืองหนึ่งได้ชูเป็นนโยบายการหาเสียงจนประสบความสำเร็จ และได้กลายเป็นนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขกฎหมายทั้งหลายให้สามารถมาใช้ในทางการแพทย์ได้มากขึ้นตามลำดับ โดยสามารถนำมาปรุงอาหารและเครื่องดื่ม และแปรรูปเป็นเวชสำอางค์ได้มากขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ด้วยกฎกติกาที่เคร่งครัด และยุ่งยาก ทำให้กัญชาของภาครัฐไม่ได้ถูกจ่ายให้กับประชาชนโดยง่าย มีกัญชาภาครัฐจำนวนมากหมดอายุไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ยังมีประชาชนจำนวนมากต้องไปแสวงหากัญชาใต้ดินเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายอาการ เช่น ทำให้นอนหลับ ลดความเครียด ลดอาการพาร์กินสัน ลดอาการปวด และลดผลกระทบจากการรักษาโรคมะเร็ง ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม กัญชาใต้ดินนั้นยังมีความเสี่ยงในเรื่องการปนเปื้อนสารพิษ ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก และยังอาจมีราคาแพง และคุณภาพไม่ดี ทำให้ผู้บริโภคที่ต้องการใช้กัญชาไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสม และยังอาจมีความสุ่มเสี่ยงต่อการถูกเลือกปฏิบัติและรีดไถจากเจ้าหน้าที่รัฐในการดูแลสุขภาพด้วย
ต่อมาเมื่อ มี พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 โดยได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อกต้นกัญชาทุกส่วนจากการเป็นยาเสพติด ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วันส่งผลให้ในวันที่ 9 มิ.ย. เป็นวันดีเดย์ที่ประชาชนจะมีเสรีในการครอบครอง “ต้นกัญชา” เพื่อสุขภาพไว้ในครัวเรือน
จริงอยู่ เงื่อนไขสำคัญในการครอบครองต้นกัญชาเช่นในกรุงเทพฯเป็นเพียงการ “จดแจ้ง” โดยผู้ว่าฯ กทม. แต่ในทางปฏิบัติหากผู้ว่าฯไม่ใส่ใจและไม่เข้าใจในเรื่องกัญชาเพื่อสุขภาพอย่างถ่องแท้แล้ว การจดแจ้งต้นกัญชาเพื่อปลูกไว้ในครัวเรือนที่ดูเหมือนง่าย ก็จะกลายเป็นของยากเย็นแสนเข็ญไปเลย เช่น การรับจดแจ้งช้า การถ่วงเวลา การมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ฯลฯ
พี่น้องประชาชนย่อมทราบดีว่า ดิฉันและเครือข่ายได้ต่อสู้มาเพียงไรกว่าที่จะมีการปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติดในวันนี้ ทั้งดิฉันยังทราบกระบวนการและขั้นตอนการจดแจ้งกัญชาเป็นอย่างดี ทั้งยังมีเครือข่ายในการเป็นธุระจัดหาต้นกัญชาพันธุ์ดีเพื่อสุขภาพไว้สำหรับปลูกในทุกครัวเรือนในกรุงเทพฯ
ดิฉันขอประกาศว่า นโยบายรับจดแจ้งและจัดหาต้นกัญชาให้ทุกครัวเรือนในทันทีแบบ One Stop Service และจะเป็นจริงได้หลังวันที่ 9 มิ.ย.นี้ หากพี่น้องชาวกทม.ไปเลือกตั้งวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 ให้ความไว้วางใจเลือกดิฉ้นเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เลือก รสนา กาเบอร์ 7