xs
xsm
sm
md
lg

“อนุทิน” เปิดงานกัญชาทางการแพทย์ที่ศรีสะเกษ ย้ำกัญชาพืช ศก.ใหม่สร้างรายได้ ปชช.และความมั่นคงทางยาของประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศรีสะเกษ - “อนุทิน” เป็นประธานเปิดงานวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 10 ศรีสะเกษ ย้ำกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่สร้างอาชีพสร้างรายได้ให้ประชาชนและสร้างความมั่นคงทางยาของประเทศ ยันปลดล็อกพ้นยาเสพติด มีผล 9 มิ.ย.นี้ พร้อมเดินหน้าดัน พ.ร.บ.กัญชากัญชาให้มีกฎหมายควบคุมเฉพาะ

วันนี้ (9 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารสถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 10 “ปลดล็อกกัญชา กัญชง สร้างสุขภาพ สร้างรายได้” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย. 65


โดยมี นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้กล่าวรายงานการจัดงาน นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวต้อนรับ มี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สาธารณสุข ผอ.รพ.ในเขตสุขภาพที่ 10 ประกอบด้วย จ.อุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ มุกดาหาร และศรีสะเกษ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน มาร่วมพิธีเปิดและร่วมงานจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก รวมทั้งมี อสม.และบุคลากรทางการแพทย์มาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

ในการจัดงาน หน่วยงาน ส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งระดับกรม และระดับจังหวัด วิสาหกิจชุมชน และภาคเอกชนมาออกร้านนิทรรศการ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกัญชงกัญชา พร้อมทั้งนำเอาผลิตภัณฑ์แปรรูปของกัญชา เช่น ซาลาเปากัญชา ปลาร้ากัญชา กาแฟกัญชา เครื่องสำอางที่แปรรูปจากกัญชา รวมทั้งกัญชาที่ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ มาแสดงและจำหน่ายให้ผู้ที่สนใจ พร้อมมีการเปิดคลินิกตรวจรักษาผู้ป่วยด้วยกัญชา ด้วย


ขณะที่นายอนุทินได้เดินทักทายกับผู้ที่มาร่วมงานครั้งนี้อย่างเป็นกันเอง หลังจากประกอบพิธีเปิดงานแล้ว นายอนุทินและคณะได้ไปเยี่ยมชมร้านค้า นิทรรศการต่างๆ พร้อมทั้งได้ชิมอาหารที่ทำจากกัญชา ซึ่งแต่ละแห่งมีรสชาติอร่อย แตกต่างกันไป

นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามปลดพืชกัญชาออกจากรายการยาเสพติดให้โทษ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 และจะมีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยการลงนามปลดพืชกัญชาออกจากรายการยาเสพติดนั้นมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนสามารถนำมาใช้ดูแลสุขภาพเบื้องต้นของตนเองและต่อยอดเศรษฐกิจครอบครัว


หลังจากที่ประเทศไทยเปิดโอกาสให้นำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 2562 กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักในเรื่องนี้ได้มีการติดตามประสิทธิผลและความปลอดภัยของการใช้ยากัญชาในการรักษาโรคต่างๆ การเข้าถึงยากัญชาทางการแพทย์ของประชาชน เปิดคลินิกกัญชาในหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงติดตามเรื่องความกังวลของสังคม ไม่ว่าจะเป็นการส่งผลต่อจิตและประสาทหรือการเสพติดนั้น กระทรวงสาธารณสุขมีระบบการรักษาและกำกับติดตามผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาในคลินิกกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งพบว่าผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาด้วยยากัญชามากขึ้นและมีความปลอดภัยสูง

ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงกำหนดให้มีการจัดประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ขึ้นใน 12 เขตสุขภาพทั่วประเทศ ในงานมีการประชุมวิชาการทั้งภาคประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งตลอดการจัดงานทั้ง 3 วันเรามีเป้าประสงค์เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนมากที่สุด การดำเนินงานของเขตสุขภาพที่ 10 ซึ่งประกอบไปด้วยจังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ มุกดาหาร และ จ.ศรีสะเกษ เป็นเขตสุขภาพที่มีความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนกัญชาทางการแพทย์ มีการดำเนินการทั้งในส่วนต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ


โดยในส่วนต้นน้ำ มีผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตปลูกกัญชาจำนวน 11 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการยื่นขออนุญาตจำนวน 19 ราย และแสดงเจตจำนงขอปลูก จำนวน 17 ราย ในส่วนกลางน้ำ มีสถานที่ผลิตตำรับยากัญชาที่ได้รับอนุญาตจำนวน 2 แห่ง และในส่วนปลายน้ำ สามารถเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ในโรงพยาบาลภาครัฐและคลินิกกัญชาทางการแพทย์ภาคเอกชน รวม 68 แห่ง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า นโยบายกัญชาทางการแพทย์เป็นนโยบายที่กำหนดขึ้นเพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนและประเทศ กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ เพราะเป็นหนึ่งในพืชที่ใช้ประโยชน์นำมาเป็นยาและอาหารได้ทุกส่วน ทั้งราก ต้น ใบ และดอก ที่คนไทยใช้กันมานาน การดำเนินงานกัญชาทางการแพทย์ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่ากัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจ และจะสามารถพลิกโฉมให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ เห็นได้จากผลงานในปี 2564 แม้ว่าจะมีสถานการณ์โควิด-19 พบว่าผลิตภัณฑ์กัญชา กัญชง เป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศอย่างมาก สร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเป็นมูลค่าสูงกว่า 7 พันล้านบาท


คุณยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) แต่งเพลง "หนูกัญชา" ได้เนื้อหาครบถ้วน บอกทั้งนำไปใช้ด้านสมุนไพร ด้านเศรษฐกิจ เหมือนกับนโยบายที่พวกเราขับเคลื่อนกัญชาทางการแพทย์ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้านการแพทย์ ดังเนื้อเพลง "รากและต้น ใบ ดอกกัญชา ใช้ปรุงเป็นยา เป็นสมุนไพร ปรุงรส แกงเนื้อ แกงไก่ แทนผงชูรส เจริญอาหาร อาการทั้งโรคภัยไข้เจ็บ ยังทุเลาเบาลงถึงหายขาด กัญชามีจารึกในประวัติศาสตร์ ว่าไทยแลนด์เป็นชาติที่ใช้กัญชาอย่างเข้าใจ" ด้านเศรษฐกิจ ดังเนื้อเพลง "ได้ใช้ นั่นหมายถึงได้ปลูกจะกี่ต้น กี่ไร่ ก็ว่าไป หรือปลูกเป็นเศรษฐกิจยิ่งดีใหญ่ เกษตรกรไทยคงลืมตาอ้าปากอ้าปากก็เพราะว่าได้ปลูก ได้ปลูกถึงลืมตาอ้าปาก"

ตนจึงถือว่าเราประสบความสำเร็จเป็นขั้นเป็นตอนในการทำให้กัญชากลายเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่มีความโดดเด่น สร้างให้เกิดความมั่นคงทางยาของประเทศ สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้แก่เกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อย โดยเริ่มก้าวแรกจากการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ การทำให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจของชุมชน และความสำเร็จล่าสุด คือมีการแก้กฎหมายทำให้พืชกัญชาหลุดจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ


นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมาตนได้ลงนามปลดล็อกพืชกัญชาจากการเป็นยาเสพติดเพื่อเปิดให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างเหมาะสมไม่จำกัดแค่ 6 ต้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วัน คือวันที่ 9 มิ.ย. 2565 ดังนั้น การจัดงานประชุมวิชาการกัญชาของเขตสุขภาพนี้จึงเป็นการเตรียมความพร้อมให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการนำส่วน กิ่ง ก้าน ราก ใบ และช่อดอก เพื่อเอาส่วนที่เป็นประโยชน์มาใช้เป็นยาสมุนไพรประกอบอาหาร รวมถึงผู้ประกอบการและบุคลากรทางการแพทย์ได้มีความรู้ความเข้าใจ และสามารถใช้กัญชาได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย รวมถึงต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างคุ้มค่า


ตนขอเน้นย้ำว่า กัญชา กัญชงมีประโยชน์มาก สามารถนำมาใช้ในการรักษาอาการเจ็บป่วยได้ เรากำลังเดินหน้าให้คนไทยสามารถปลูกกัญชาเพื่อใช้รักษาโรคได้เช่นเดียวกับพืชสมุนไพรตัวอื่น แต่จะต้องมีกระบวนการควบคุมที่เหมาะสม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชงต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา เพื่อให้มีกฎหมายมาควบคุมเฉพาะ หลังจาก 120 วัน ที่กัญชาจะพ้นจากการเป็นยาเสพติด ประชาชนที่ต้องการปลูกเพื่อใช้ในครัวเรือน ไม่ต้องขออนุญาตแบบแต่ก่อน เปลี่ยนเป็นมาจดแจ้งให้รัฐทราบ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของสนธิสัญญาระหว่างประเทศ

เมื่อเราได้ทำตามความประสงค์ของประชาชน คือเอาต้นกัญชาออกจากยาเสพติดแล้ว ขอให้ท่านได้ใช้ประโยชน์ในทางที่ถูกต้อง และช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้เพื่อนร่วมสังคมนำไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งในส่วนนี้จะต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้อง อสม.และบุคลากรสาธารณสุขทุกท่าน ในการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ในการนำพืชกัญชาไปใช้อย่างถูกวิธี และสามารถนำไปต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างรายได้ต่อไป












กำลังโหลดความคิดเห็น