นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2564 เวลา 16.00 นาฬิกา) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 21 ราย (พบในห้องแยกกักโรค 20 ราย และเรือนจำสีแดง 1 ราย) ขณะที่มีผู้ติดเชื้อรักษาหายเพิ่ม จำนวน 27 ราย โดยไม่มีรายงานการเสียชีวิตติดต่อกัน 1 สัปดาห์ ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 862 ราย (กลุ่มสีเขียว 75.3% สีเหลือง 24.4% และสีแดง 0.3%) มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 83,436 ราย หรือเกือบ 96.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 86,610 ราย เสียชีวิตสะสม 185 ราย คิดเป็น 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้สถานะเรือนจำยังคงที่ ไม่พบการระบาดเพิ่มในเรือนจำเป็นวันที่ 2 จึงมีเรือนจำสีขาวอยู่ที่ 128 แห่ง และเรือนจำสีแดง 14 แห่งคงเดิม ซึ่งในจำนวนดังกล่าว เป็นเรือนจำที่อยู่ระหว่างควบคุมการระบาด 3 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดกระบี่ ทัณฑสถานหญิงพิษณุโลก และเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ขณะที่มีเรือนจำอยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (แผน EXIT) ทั้งสิ้น 11 แห่ง ซึ่งจะทยอยพ้นจากการระบาดในระยะต่อไป ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนของกรมราชทัณฑ์ ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือ ครบโดสแล้ว จำนวน 262,514 ราย หรือ 93.3% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 281,512 ราย
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการย้ายตัวผู้ต้องขังจากเรือนจำจังหวัดกระบี่ ไปควบคุมยังเรือนจำทัณฑสถานใกล้เคียง รวมถึงเรือนจำอื่นๆ ที่มีความพร้อมในการรับตัวผู้ต้องขังนั้น ได้กระทำภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์อย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังที่ถูกส่งตัวไปยังเรือนจำต่างๆ จะได้รับการตรวจคัดกรองหาเชื้อและแยกกักโรคตามมาตรการ พร้อมทั้งคัดแยกผู้ป่วยที่ติดเชื้อตามลักษณะอาการ กล่าวคือ ผู้ที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อยจะได้รับการให้ยา และรักษาภายในโรงพยาบาลสนามของเรือนจำ ส่วนในกลุ่มที่มีโรคประจำตัวหรือมีอาการรุนแรงจะถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลภายนอก ซึ่งในทุกขั้นตอน ได้ดำเนินการตามมาตรฐานการรักษาผู้ติดเชื้อของกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้การประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลแม่ข่ายและสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ โดยมีทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด