นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด-19 ใน 4 จังหวัดภาคใต้ ที่ประกอบด้วย สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ในวันนี้ (7 ต.ค.) ว่า มีแนวโน้มการติดเชื้อจากเชื้อโควิด 3 สายพันธุ์คือ เบต้า เดลต้า และอัลฟา ซึ่งแนวทางที่จะสกัดโควิดได้นั้น แต่ละพื้นที่ต้องคุมเข้มมาตรการป้องกันให้มากขึ้น ประชาชนต้องตื่นตัวป้องกันเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ขณะที่ร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ หรือกระทั่งองค์กรต้องปฏิบัติตามแนวทางโควิดฟรีเซ็ตติ้ง (Covid Free Setting)
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่เบื้องต้นพบว่า การป้องกันเชื้อแบบครอบจักรวาลยังไม่เข้มข้นมากนัก จึงย้ำความสำคัญไปกับสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พร้อมกันนี้ ต้องมีมาตรการอื่นๆ ที่ทำควบคู่กันไป เพื่อสกัดเชื้อโควิด เช่น การส่งวัคซีนป้องกันโควิดยี่ห้อไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค รวม 100,000 โดส, ชุดตรวจ ATK และยาฟาวิพิราเวียร์ ไปให้ผู้ป่วยโควิดในพื้นที่ราว 1 ล้านเม็ด หลังจากอัตราการใช้ยายังน้อยเพียง 30% ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูง
ส่วนภาคใต้ควรล็อกดาวน์หรือไม่นั้น เบื้องต้นให้นโยบายไว้แล้ว หากมาตรการปัจจุบันไม่เพียงพอ อาจต้องมีการล็อกดาวน์ แต่เชื่อว่าภาพรวมการติดเชื้อน่าจะลดลงภายใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากมีการระดมฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินกว่าร้อยละ 70 ทั่วประเทศแล้ว
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่เบื้องต้นพบว่า การป้องกันเชื้อแบบครอบจักรวาลยังไม่เข้มข้นมากนัก จึงย้ำความสำคัญไปกับสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พร้อมกันนี้ ต้องมีมาตรการอื่นๆ ที่ทำควบคู่กันไป เพื่อสกัดเชื้อโควิด เช่น การส่งวัคซีนป้องกันโควิดยี่ห้อไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค รวม 100,000 โดส, ชุดตรวจ ATK และยาฟาวิพิราเวียร์ ไปให้ผู้ป่วยโควิดในพื้นที่ราว 1 ล้านเม็ด หลังจากอัตราการใช้ยายังน้อยเพียง 30% ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูง
ส่วนภาคใต้ควรล็อกดาวน์หรือไม่นั้น เบื้องต้นให้นโยบายไว้แล้ว หากมาตรการปัจจุบันไม่เพียงพอ อาจต้องมีการล็อกดาวน์ แต่เชื่อว่าภาพรวมการติดเชื้อน่าจะลดลงภายใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากมีการระดมฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินกว่าร้อยละ 70 ทั่วประเทศแล้ว
