อว. - สธ.จับมือร่วมยุติการระบาดของโควิด-19 พร้อมรับมือโรคอุบัติใหม่ด้วยนวัตกรรม ทั้งระบบการพยากรณ์และคาดการณ์โรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำในอนาคต ระบบการบริหารจัดการเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ระบบศูนย์คัดกรองข่าวและเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง ขับเคลื่อนผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง ตั้งเป้า “ชุมชนดูแลตนเองได้”
วันนี้ (5 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) และ ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว. และ นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ รองปลัด สธ. ได้ลงนามการผลักดัน โครงการความร่วมมือเพื่อยุติการระบาดของโรคโควิด-19 และควบคุมการระบาดระลอกใหม่ด้วยนวัตกรรม (Ending Pandemics through Innovation) โดยมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมทั้งด้านสังคมและด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อยุติการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรวดเร็วและเบ็ดเสร็จ และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นให้ประชาชนสามารถอยู่กับโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย รวมถึงเตรียมการป้องกันการระบาดระลอกใหม่และจากเชื้อโรคใหม่ในอนาคต ตลอดจนการประสานภาคีเครือข่ายของทั้งสองกระทรวงในบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของทุกภาคส่วนมุ่งสู่เป้าหมายสำคัญให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว
นายอนุทิน กล่าวว่า การแก้ปัญหาโควิด-19 เราพบว่า สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการประสานพลังของเครือข่าย มาตรการที่มีประสิทธิภาพ และการใช้นวัตกรรมในการบริหารจัดการสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในทุกๆ วัน ซึ่ง อว. ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมพร้อมใช้มาโดยตลอด และโรงพยาบาลของคณะแพทยศาสตร์ทั่วประเทศ เป็นกำลังสำคัญในการรับดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ป่วยหนักและวิกฤต ซึ่ง สธ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในประเด็นดังกล่าว จึงได้จับมือกันกับ อว. ขับเคลื่อนโครงการความร่วมมือเพื่อยุติการระบาดของโรคโควิด-19 และควบคุมการระบาดระลอกใหม่ด้วยนวัตกรรม เพื่อจัดการและยุติการระบาดของโรคโควิด-19 โดยคาดหวังผลให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่จะต่อยอดการสร้างพลังและมาตรการที่เข้มแข็งและยั่งยืนจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน
ด้าน ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวว่า การดำเนินงานที่ผ่านมา อว. และ สธ. เห็นตรงกันว่า บทเรียนจากการระบาดของโรคที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้นความมั่นคงด้านสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญมากโดยต้องบริหารจัดการให้แน่ใจว่าประเทศไทยต้องสามารถควบคุมและยุติการระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว และให้ระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศกลับมาขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างยั่งยืนโดยสามารถดูแลจัดการควบคุมและป้องกันการระบาดต่อไปได้อีก ซึ่งจะต้องมาจากการที่ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ในทางการแพทย์ สาธารณสุข และนวัตกรรมที่มีมาตรฐานและใช้งานได้จริง รวมทั้งการบริหารจัดการโดยใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสมัย ความร่วมมือครั้งนี้คาดหวังว่าจะทำให้เกิดการพัฒนาระบบการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ ใช้นวัตกรรมด้านสังคม และนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยปลอดภัยและมีความมั่นคงด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ อว.สนับสนุนงบประมาณดำเนินการ โดยมีตัวอย่างการดำเนินงานที่สำคัญภายใต้โปรแกรมดังกล่าว อาทิ โครงการระดับชาติในการรับมือกับโรคระบาดพร้อมแนวปฏิบัติและขั้นตอนที่ชัดเจน ระบบการพยากรณ์และคาดการณ์โรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำในอนาคต ระบบการบริหารจัดการเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ระบบศูนย์คัดกรองข่าวปลอมและเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ตลอดจนการพัฒนาและขับเคลื่อนผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง ตั้งเป้า “ชุมชนดูแลตนเองได้” ฯลฯ