นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ได้ผ่อนคลายสถานประกอบกิจการต่างๆ แต่เนื่องจากยังอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จึงยังต้องปฏิบัติภายใต้มาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการขอความร่วมมือพ่อค้าแม่ค้า ผู้ขาย พนักงานบริการในร้านอาหาร และพนักงานส่งอาหาร ได้คัดกรองความเสี่ยงด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ทุก 7 วัน
ทั้งนี้ กรมอนามัยได้สนับสนุนชุดตรวจ ATK จำนวน 250,000 ชุด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้ผู้ประกอบกิจการร้านอาหารทั่วประเทศผ่านศูนย์อนามัย ได้แก่ ตลาด 157,452 ชุด ร้านอาหาร 68,596 ชุด แผงลอย 18,876 ชุด และเดลิเวอรี 5,076 ชุด
สำหรับหลักเกณฑ์ในการตรวจ ATK แต่ละสถานประกอบการ ขอให้ปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด ดังนี้
1. ตลาด ต้องเป็นตลาดค้าส่งและตลาดขนาดใหญ่ ที่มีการแพร่ระบาด และมีความเสี่ยงสูง ให้สุ่มตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงสูง 10% ผู้มีประวัติพบผู้ติดเชื้อ ผู้ใกล้ชิดหรือสัมผัสผู้ป่วย และผู้ที่มีลักษณะการพักอาศัยที่มีจำนวนคนมาก พักรวมกัน หรือมีความเสี่ยง ซึ่งหน่วยบริการสามารถปรับจำนวนได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์
2. ร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านที่ซื้อวัตถุดิบจากตลาดที่มีประวัติพบผู้ติดเชื้อ ร้านที่พบผู้ติดเชื้อ หรือร้านที่พนักงานยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19
3. แผงลอย เน้นที่มีการซื้อวัตถุดิบจากตลาดที่มีประวัติพบผู้ติดเชื้อหรือมีการสุ่มตรวจ ATK มีการจำหน่ายอาหารในบริเวณเขตพื้นที่ได้รับอนุญาตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน หรือมีปัจจัยเสี่ยงบุคคลในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเป็นโควิด-19 หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19
4. เดลิเวอรี ต้องเป็นพนักงานที่ปฏิบัติงานในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน มีปัจจัยเสี่ยงบุคคลในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเป็นโรคโควิด-19 และอยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19
อย่างไรก็ตาม สถานประกอบกิจการด้านอาหารควรคุมเข้มในการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ควบคู่กันไป เพื่อป้องกันการติดและแพร่เชื้อโควิด-19 ด้วยหลักปฏิบัติ 10 ข้อสำคัญ ได้แก่
1. ออกจากบ้านเมื่อจำเป็นเท่านั้น
2. เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ทุกสถานที่
3. สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ทั้งนอกบ้านและในบ้านและเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น
4. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
5. หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากาก ใบหน้า ตา ปาก จมูก
6. ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ และผู้ที่เป็นโรคเรื้อรังให้เลี่ยงออกนอกบ้าน
7. ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค บนพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ
8. แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่น
9. งดกินข้าวร่วมกันและเลือกกินอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่
10. หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยง ควรตรวจด้วย ATK หรือไปรับการตรวจรักษาที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน