วันนี้ (4 ต.ค.) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ว่า จากสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกที่สูงขึ้นมาก ทั้งน้ำมันและแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) บวกกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ที่ประชุม กบง. จึงมีมติดูแลราคาน้ำมันที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจ ทั้งน้ำมันพื้นฐาน B10 และน้ำมัน B7 ที่มีรถยนต์ที่ใช้อยู่ประมาณ 10 ล้านคัน โดยจะดำเนินการ 3 ส่วนคือ
1.ลดค่าการตลาดน้ำมันดีเซล B10 และ B7 จากเฉลี่ย 1.80 บาทต่อลิตร เหลือ1.40 บาท มีผลวันที่ 5-31 ตุลาคม 2564 ซึ่งปัจจุบันถูกกว่า 1.80 บาทต่อลิตรอยู่แล้ว 2.ลดการจัดเก็บเงิน B7 เข้ากองทุนจาก 1.00 บาทต่อลิตร เหลือ 0.01 บาทต่อลิตร มีผลวันที่ 11 -31 ตุลาคม 2564 และ 3.ลดการผสมไบโอดีเซล จาก B10 และ B7 เหลือ B6 มีผลวันที่ 11-31 ตุลาคม 2564
ทั้งนี้ จากมติดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมนี้ จะเหลือน้ำมันดีเซลชนิดเดียว คือ B6 อยู่ที่ระดับ 28.29 บาท ต่อยาวถึง 31 ตุลาคมนี้ ใช้เงินอุดหนุนส่วนนี้เดือนละประมาณ 3,000 ล้านบาท หากราคาตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นจะมีเงินกองทุนน้ำมันบัญชีน้ำมันดูแล 1.1 หมื่นล้านบาท
1.ลดค่าการตลาดน้ำมันดีเซล B10 และ B7 จากเฉลี่ย 1.80 บาทต่อลิตร เหลือ1.40 บาท มีผลวันที่ 5-31 ตุลาคม 2564 ซึ่งปัจจุบันถูกกว่า 1.80 บาทต่อลิตรอยู่แล้ว 2.ลดการจัดเก็บเงิน B7 เข้ากองทุนจาก 1.00 บาทต่อลิตร เหลือ 0.01 บาทต่อลิตร มีผลวันที่ 11 -31 ตุลาคม 2564 และ 3.ลดการผสมไบโอดีเซล จาก B10 และ B7 เหลือ B6 มีผลวันที่ 11-31 ตุลาคม 2564
ทั้งนี้ จากมติดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมนี้ จะเหลือน้ำมันดีเซลชนิดเดียว คือ B6 อยู่ที่ระดับ 28.29 บาท ต่อยาวถึง 31 ตุลาคมนี้ ใช้เงินอุดหนุนส่วนนี้เดือนละประมาณ 3,000 ล้านบาท หากราคาตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นจะมีเงินกองทุนน้ำมันบัญชีน้ำมันดูแล 1.1 หมื่นล้านบาท