xs
xsm
sm
md
lg

ศบค.เห็นชอบเปิด 4 พื้นที่สีฟ้านำร่องการท่องเที่ยว 1-13 ต.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงผลประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน สรุปว่า ศบค.เห็นชอบเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวในพื้นที่สีฟ้า (Blue Zone) แบ่งเป็น

ระยะนำร่อง ตั้งแต่วันที่ 1-30 ตุลาคม 2564 ใช้เกณฑ์เป็นพื้นที่ที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของรายได้จากการท่องเที่ยว 4 จังหวัดและพื้นที่เกาะ ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) พังงา (เขาหลัก เกาะยาว) กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ คลองม่วง ทับแขก)

ระยะที่หนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2564 ใช้เกณฑ์เป็นเมืองหลักหรือจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ จากการท่องเที่ยว 10 จังหวัดประกอบด้วยกรุงเทพฯ กระบี่ (ทั้งจังหวัด) พังงา (ทั้งจังหวัด) ประจวบคีรีขันธ์ (ตำบลหัวหิน หนองแก) เพชรบุรี (เทศบาลเมืองชะอำ) ชลบุรี (พัทยา อำเภอบางละมุง ตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่) ระนอง (เกาะพยาม) เชียงใหม่ (อำเภอเมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า) เลย (เชียงคาน) และบุรีรัมย์ (อำเภอเมือง)

ระยะที่สอง ตั้งแต่วันที่ 1-31 ธันวาคม 2564 ใช้เกณฑ์กำหนดพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจเป็นเมืองหลักหรือจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด โดยมีสินค้าการท่องเที่ยว ด้านศิลปวัฒนธรรม และเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน 20 จังหวัด ประกอบด้วยเชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน แพร่ หนองคาย สุโขทัย เพชรบูรณ์ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ ตราด ระยอง ขอนแก่น นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา และนราธิวาส

ระยะที่สาม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป เกณฑ์กำหนดพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจจังหวัด ที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน 13 จังหวัด ประกอบด้วย สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี ตาก นครพนม มุกดาหาร บึงกาฬ อุดรธานี อุบลราชธานี น่าน กาญจนบุรี ราชบุรี และสตูล

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการการป้องกันควบคุมโควิด-19 สำหรับพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (พื้นที่สีฟ้า) เพื่อให้มีแรงจูงใจสำหรับนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการให้ปรับมาตรการป้องกันโรคตามระดับสถานการณ์ย่อยในพื้นที่ แต่ยังคงปิดสถานบริการและสถานบันเทิง รวมถึงสถานบริการอื่นในลักษณะคล้ายกัน และห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 500 คน