นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค. มีมติเห็นชอบในหลักการจัดหาวัคซีนในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน เพื่อนำมาใช้ในช่วงที่ระยะเวลาที่วัคซีนมีจำกัดเพิ่มเติม เนื่องจากปัญหาโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ที่วัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้น้อย จึงควรเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มความครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมายซึ่งต้องได้วัคซีน 100 ล้านโดส ภายในปี 2564
โดยการเจรจาจัดหาวัคซีนเพิ่มจากบริษัทผู้ผลิตที่สามารถส่งมอบวัคซีนได้โดยเร็วที่สุด โดยให้สถาบันวัคซีนจองซื้อวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ เพิ่มเติมอีกจำนวน 10 ล้านโดส (ผ่าน ศบค. เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา) และให้เจรจาจัดหาวัคซีนอื่นๆ เพิ่มเติมอีกจำนวน 10 ล้านโดส ภายในปี 2564 พร้อมทั้งให้องค์การเภสัชกรรมจัดหาวัคซีนซิโนแวค เพิ่มเติมอีกจำนวน 12 ล้านโดส
ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบตามที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอว่า เป้าหมายจะต้องหาวัคซีนอย่างน้อย 10 ล้านโดส ภายในเดือนกันยายน และเร่งฉีดในกลุ่มอายผู้สูงอายุ 60 ปี กลุ่มโรคเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต โดยการฉีดวัคซีนในเดือนกันยายน จะปูพรมทุกจังหวัด โดยผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 และให้ฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุให้ได้อย่างน้อย 70% ในทุกจังหวัด ภายในเดือนกันยายนนี้ และเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและรองรับแผนเปิดการท่องเที่ยว โดยในกรุงเทพฯ จะแบ่งวัคซีนไป 15% และในอีก 76 จังหวัด อีก 75% และจังหวัดที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 10 จังหวัด อีก 8% และกลุ่มอื่นๆ ได้แก่ องค์กรภาครัฐ ราชทัณฑ์ อีก 2%