นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า กรมราชทัณฑ์ได้สั่งล็อกดาวน์เรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักกัน จำนวน 13 แห่ง ในพื้นที่เขต 7 และพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ เรือนจำกลางนครปฐม เรือนจำกลางเขาบิน เรือนจำกลางราชบุรี เรือนจำกลางสมุทรสงคราม เรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี เรือนจำกลางเพชรบุรี เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สถานกักกันนครปฐม เรือนจำพิเศษธนบุรี และทัณฑสถานหญิงธนบุรี โดยในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยง กรมราชทัณฑ์ได้เชิญคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ดำเนินการตรวจผู้ต้องขังแรกรับทั้งหมดแล้ว รวมทั้งผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยง และเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร ขณะนี้กำลังรอผลการตรวจอยู่
ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ได้ประสานกับโรงพยาบาลในพื้นที่ตรวจคัดกรองเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยเรือนจำและทัณฑสถานอื่นๆ ในเขตจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้อำนวยการและผู้บัญชาการเรือนจำและทัณฑสถาน ในการดำเนินการล็อกดาวน์ได้ทันที และให้มีมาตรการ ดังนี้
1. การแยกกักกันโรคผู้ต้องขังรับใหม่และรับย้ายอย่างน้อย 14 วัน และต้องปฏิบัติตามกระบวนการแยกกักกันโรคที่ถูกต้องอย่างเข้มงวด
2. งดการเยี่ยมญาติช่องทางปกติและให้มีการเยี่ยมญาติทางไลน์ทดแทน
3. มาตรการคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้าด้วยการงดนำผู้ต้องขังออกทำงานภายนอกเรือนจำ และงดการนำบุคคลภายนอกเข้าเรือนจำ ยกเว้น กรณีมีเหตุจำเป็น
4. สร้างความเข้าใจ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้ต้องขังและญาติ ตลอดจนจัดให้มีกิจกรรมผ่อนคลายความเครียดในระหว่างการงดเยี่ยมญาติ
5. กำชับเจ้าหน้าที่ ผู้ต้องขังและญาติ ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา การเว้นระยะห่างทางสังคม และ
6. งดการจัดกิจกรรมที่ต้องนำผู้ต้องขังมารวมกันมากๆ และจัดหาหน้ากากอนามัยให้ผู้ต้องขังทุกคนอย่างน้อยคนละ 2 ชิ้น
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรือนจำและทัณฑสถานในพื้นที่อื่นๆ ที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เรือนจำและทัณฑสถานแต่ละแห่งติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่น การแยกกักกันโรคในผู้ต้องขังเข้าใหม่และรับย้ายอย่างน้อย 14 วัน การเปิดลงทะเบียนเยี่ยมญาติล่วงหน้า การเยี่ยมญาติแบบเว้นระยะห่างตามวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) การเยี่ยมญาติผ่านไลน์ ทดแทนการเยี่ยมแบบปกติ การตรวจคัดกรองเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกที่จะเข้าในเขตพื้นที่เรือนจำและทัณฑสถานอย่างเข้มงวด พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคนมีวินัยในการป้องกันตัวเอง ไม่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง หากเจ้าหน้าที่และครอบครัวเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงให้ดำเนินการกักตัวอย่างน้อย 14 วัน
นอกจากนี้ นายอายุตม์ ยังได้ชี้แจงถึงการปล่อยตัวผู้ต้องขัง การพักโทษ และการอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัว ว่า กรมราชทัณฑ์ยังคงดำเนินการตามเดิม เพราะในเรือนจำและทัณฑสถานขณะนี้ยังไม่มีการแพร่ระบาด และการอบรมยังเป็นการดำเนินการภายใน เพราะฉะนั้นจึงไม่กระทบกับเรื่องนี้ ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนทุกท่านมั่นใจประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์ และเข้าใจถึงความจำเป็นในการปิดเรือนจำและทัณฑสถาน เพื่อป้องกันผลเสียที่เชื้อหลุดรอดเข้าไปยังเรือนจำและทัณฑสถาน