xs
xsm
sm
md
lg

“เยาวชนปลดแอก"แถคอมมิวนิสต์ไม่เท่ากับเผด็จการ อ้างคือยาถอนพิษทุนนิยม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เพจเยาวชนปลดแอก โพสต์ระบุว่า พรรคสีฟ้าไม่ใช่สนับสนุนประชาธิปไตยฉันท์ใด คอมมิวนิสต์ก็ไม่เท่ากับเผด็จการฉันท์นั้น และจีน เกาหลีเหนือ ฯลฯ ก็ไม่อาจเรียกตัวว่าเป็นคอมมิวนิสต์ได้

หากพูดถึงคำว่า “คอมมิวนิสต์” ภาพจำของใครหลายคนคงเป็นดั่งปิศาจร้าย น่ากลัว ไม่ควรยุ่งเกี่ยว และอาจจะนึกถึงประเทศเผด็จการอย่างจีน เกาหลีเหนือ แต่แท้จริงแล้ว ความหมายของคอมมิวนิสต์หาได้เป็นไปตามที่โลกทุนนิยมเผด็จการหลอกลวง คอมมิวนิสม์คือชื่อของสังคมประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ที่เหล่านายทุนเผด็จการต่างหวาดกลัว

ภายใต้โลกทุนนิยม จะมีชนชั้นสูง 1% ที่มีทรัพย์สินมหาศาล และชนชั้นล่าง 99% ต้องทำงานดิ้นรน เจ้าสัวได้กำไรมหาศาล แต่ค่าแรงของพนักงานกลับต่ำเตี้ย และแทบไม่มีสิทธิมีเสียงในบริษัท ยกตัวอย่างสมมุติจากกะลาแลนด์ เจ้าสัวบริษัทหนึ่งเพิ่มส่วนขายน้ำปั่น ธนาคาร และอื่นๆ เข้าไปในร้านสะดวกซื้อของตนเอง พนักงานมีหน้าที่เพิ่มขึ้น ต้องทำทั้งแคชเชียร์และปั่นน้ำ แต่กลับได้ค่าแรงเท่าเดิม ไม่สัมพันธ์กับหน้าที่ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่เจ้าสัวกลับมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น” เจ้าสัวอาจได้กำไรถึงวินาทีละสี่แสน แต่แรงงานได้ค่าแรงต่อชั่วโมงแค่เพียงสี่สิบบาทเท่านั้น ทุนนิยมไม่ต่างอะไรกับเผด็จการทางเศรษฐกิจเลย

หลายคนอ้างว่าแค่สู้กับเผด็จการทางการเมืองก็เพียงพอแล้ว เอาทหารและศักดินาออกจากสภาก็เพียงพอแล้ว แต่กระนั้น เราจะมีประชาธิปไตยทางการเมืองไปทำไม ถ้าหากในที่ทำงานยังเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จ นายทุนกดขี่ สภาพการทำงานย่ำแย่ แรงงานไม่ได้ค่าแรงเป็นธรรม และไม่มีสิทธิพูดใดๆ

“คอมมิวนิสม์ (Communism)” คือยาถอนพิษความเลวร้ายของระบอบทุนนิยม หากอธิบายอย่างสั้น คอมมิวนิสต์มุ่งทำให้คนมีความเป็นคนเท่ากัน โดยปลดแอกสังคมจากพันธนาการทุน ไม่มีใครสูงส่งกว่าใครเพียงเพราะมีทุนมากกว่าคนอื่นๆ ไม่มีใครสูงกว่าใครเพราะเป็นเจ้าของโรงงานห้างร้านพระราชวังขนาดใหญ่ ไม่มีใครโทษตัวเองที่ยากจนเพราะไม่ขยันหรือมีบุญเหมือนเจ้าสัว นอกจากนี้ คอมมิวนิสม์มีรากศัพท์จากคำว่า “common” ซึ่งแปลว่า ร่วมกัน หรือก็คือเป็นระบบที่เป็นของเราร่วมกัน ได้รับสวัสดิการมีคุณภาพถ้วนหน้าร่วมกัน ไม่ได้แบ่งแยกคนด้วยเงินตรา ไม่ได้กักตุนผลิตยารักษาคุณภาพดีน้อยๆ ราคาแพงไว้ให้คนรวย แล้วผลิตยาไร้คุณภาพต้นทุนถูกให้คนจน แต่พยายามหาวิธีผลิต/บริหารจัดการยาคุณภาพดีให้ทุกคนเข้าถึงได้ เพราะยึดถือหลักคนเท่ากัน โดยสรุปก็คือ คอมมิวนิสต์คือประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ

คอมมิวนิสต์ไม่เท่ากับเผด็จการแต่อย่างใด คอมมิวนิสต์มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้คนเท่ากันอย่างแท้จริงโดยไม่มีเงื่อนไขของเงินมาบัญชา (ไม่ได้ต้องการให้คนใส่เสื้อสีเดียวกันหรือสูงเท่ากัน แต่ต้องการให้คนมีพื้นฐานเศรษฐกิจเท่ากัน เข้าถึงสวัสดิการที่มีคุณภาพได้ถ้วนหน้า) ซึ่งความเท่าเทียมนี้ ก็ไม่อาจแยกขาดกับเสรีภาพได้ และหลายครั้งที่เสรีภาพที่แท้จริง ก็ไม่ใช่แค่เสรีภาพในเชิงคุณค่าเท่านั้น เช่น การมีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง การสมรสเท่าเทียม เป็นต้น แต่เป็นเสรีภาพเชิงวัตถุด้วย เช่น มีบ้าน มีอาหาร ได้เรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพ เข้าถึงระบบการรักษาพยาบาลได้ถ้วนหน้า เป็นต้น

หลายคนโจมตีว่าคอมมิวนิสต์จะแย่งยึดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน มือถือ เสื้อผ้า อาหาร หรือแม้กระทั่งแปรงสีฟัน แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้น แปรงสีฟันคือกรรมสิทธิ์ส่วนตัว (personal property) ไม่ใช่กรรมสิทธิ์เอกชน (private property) คอมมิวนิสต์ไม่ได้จะยึดแปรงสีฟัน แต่จะทำให้โรงงานแปรงสีฟันเป็นของแรงงาน ผู้ที่เป็นคนผลิตแปรงสีฟันขึ้นมาเอง ไม่ใช่นายทุนที่คอยลดต้นทุน ขูดรีดค่าแรงและกดคุณภาพแปรงสีฟัน คอมมิวนิสต์ต้องการแจกจ่ายแปรงสีฟันที่มีคุณภาพให้ผู้คน ไม่ได้ยึดแปรงสีฟันใคร

จริงอยู่ที่การปฏิวัติคอมมิวนิสต์แห่งศตวรรษที่ 20 ล้มเหลว และเมื่อเอ่ยถึงคอมมิวนิสต์ ฝั่งปัญญาชนมากมายก็มักโจมตีว่า คอมมิวนิสต์คืออุดมการณ์ล้มเหลว เป็นผี จบสิ้นไปแล้ว และกลายพันธุ์เป็นเผด็จการ (เช่น ประเทศจีน เราโจมตีจีนกันว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ทั้งๆ ที่จีนเป็นประเทศมหาอำนาจทุนด้วยซ้ำ) แต่หากเราย้อนศึกษาประวัติศาสตร์ศตวรรษที่ 20 จริงๆ คอมมิวนิสต์มีอายุเพียง 70 ปีเท่านั้น มันมีอายุสั้นมากและนำไปใช้แค่เพียงครั้งเดียว ในขณะที่ทุนนิยมมีอายุกว่า 400 ปี เกิดวิกฤตเศรษฐกิจนับครั้งไม่ถ้วน ความเหลื่อมล้ำพุ่งสูง มีคนตกงานและอดอยากมากมาย กี่คนแล้วที่ถูกดับฝัน ไม่ได้เรียนหรือประกอบอาชีพที่ตนเองอยากทำเพราะไม่มีเงิน หลายคนถูกบังคับให้เรียนหมอ เพราะจบมามีตลาดงานรองรับ หลายคนหมดไฟ เพราะต้องทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ทำไมเราไม่มองว่าทุนนิยมเป็นระบบที่ล้มเหลวแบบที่ตราหน้าคอมมิวนิสต์บ้าง

เมื่อนานมาแล้ว เราต่างเชื่อว่าโลกแบน เพราะถูกปลูกฝังให้เชื่อเช่นนั้น เราต่างหวาดกลัวที่จะท่องทะเลไกลโพ้นเพราะกลัวจะตกออกจากโลก ใครก็ตามที่คิดว่าโลกกลม ก็อาจถูกเข่นฆ่าได้ แต่แล้วแนวคิดโลกกลมก็พิสูจน์จนได้ว่าโลกไม่ได้แบนตามที่เขาหลอกลวง เช่นเดียวกันกับระบบทุนนิยม ที่ผู้คนต่างเชื่อว่ามันเป็นระบบที่เป็นฉันทามติ ยอมรับกันทั่วโลก (เช่น ทุนนิยมไม่ได้เป็นระบบที่ดี แต่ก็เลวน้อยที่สุด เราปฏิรูปช่วยทุนนิยมมาหลายครั้ง พยายามหาทางประนีประนอมให้ทุนลดการกดขี่ลงสักนิด แต่แล้วก็ล้มเหลวทุกครั้ง ทุนนิยมไม่เคยช่วยเรา ซ้ำยังทำร้ายเราด้วยซ้ำ) มันถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่เราควรจะจินตนาการให้ไกลกว่าระบบกดขี่เช่นนี้ และเชื่อว่าโลกใบใหม่เป็นไปได้ (Another world is possible)