นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนปรนให้ชาวต่างชาติเข้ามาพำนักในประเทศไทย ผ่านมาตรการนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist Visa (STV) ที่ต้องการมาพำนักระยะยาว (Long Stay) และนักท่องเที่ยวและลูกเรือที่เดินทางเข้าไทยโดยเรือสำราญและกีฬา (เรือยอชต์) โดยมีเงื่อนไข ต้องเป็นนักท่องเที่ยวมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำตามการจัดกลุ่มประเทศด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าว ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยน้อยกว่าเป้าที่กำหนดคือมี 825 คน จาก 29 สัญชาติ และมีเรือสำราญ (เรือยอชต์) เข้าไทย จำนวน 6 ลำเท่านั้น
ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่มขึ้น ครม.จึงมีมติให้นักท่องเที่ยวเข้าโดยไม่จำกัดประเทศ จากเดิมที่ให้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ รวมถึงขยายระยะเวลาขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (STV) ที่ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองให้แก่คนต่างด้าวที่มากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอชต์) ออกไปอีก 30 วัน นับจากวันที่ประกาศฉบับนี้บังคับใช้
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการผ่อนปรนในเรื่องดังกล่าว นักท่องเที่ยวทั้งสองกลุ่มยังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการขอวีซ่า (STV) ของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด เช่น การแจ้งที่พำนักในประเทศไทยให้ชัดเจน และต้องยินยอมที่จะกักตัวเป็นเวลา 14 วัน โดยมาตรการผ่อนคลายดังกล่าวจะมีผลต่อเมื่อประกาศของกระทรวงมหาดไทยลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่มขึ้น ครม.จึงมีมติให้นักท่องเที่ยวเข้าโดยไม่จำกัดประเทศ จากเดิมที่ให้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ รวมถึงขยายระยะเวลาขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (STV) ที่ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองให้แก่คนต่างด้าวที่มากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอชต์) ออกไปอีก 30 วัน นับจากวันที่ประกาศฉบับนี้บังคับใช้
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการผ่อนปรนในเรื่องดังกล่าว นักท่องเที่ยวทั้งสองกลุ่มยังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการขอวีซ่า (STV) ของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด เช่น การแจ้งที่พำนักในประเทศไทยให้ชัดเจน และต้องยินยอมที่จะกักตัวเป็นเวลา 14 วัน โดยมาตรการผ่อนคลายดังกล่าวจะมีผลต่อเมื่อประกาศของกระทรวงมหาดไทยลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา
