วันนี้ (7 ธ.ค.) เวลา 17.32 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลฎีกา แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ครั้นเสด็จถึง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธยุติธรรมโลกนาถ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายดิเรก อิงคนินันท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือที่ระลึก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายอาคาร "ศาลฎีกา" แล้วเสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางวาสนา หงส์เจริญ รองประธานศาลฏีกา กราบบังคมทูลเบิกข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมชั้นผู้ใหญ่ จำนวน 120 ราย เข้ารับพระราชทานของที่ระลึกตามลำดับ ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยลงบนแผ่นศิลา เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์
ต่อมาเสด็จขึ้นห้องรับรองที่ประทับ ชั้น 3 อาคารศาลฎีกา ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึก จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายฉลองพระองค์ครุยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว เสด็จเข้าห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกา โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม
จากนั้นเสด็จฯ ไปยังห้องฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมชั้นผู้ใหญ่ ต่อจากนั้น เสด็จฯ ไปยังโถงอาคารศาลยุติธรรม นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายพศวัจณ์ กนกนาก รองประธานศาลฎีกา ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญที่ระลึกแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปยังพระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ บริเวณด้านหน้าอาคารศาลยุติธรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงวางพานพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะ
เดิมศาลฎีกาไม่มีอาคารที่ทำการเป็นเอกเทศ โดยเปิดทำการบนอาคารศาลแพ่งและอาคารกระทวงยุติธรรม ต่อเมื่อศาลแพ่งและกระทรวงยุติธรรมย้ายไปเปิดอาคารทำการที่อื่น ศาลฎีกาจึงได้มีอาคารทำการเป็นเอกเทศ ซึ่งอาคารมีสภาพชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา ต่อมา คณะรัฐนตรีได้มีมติเมื่อปีพุทธศักราช 2535 อนุมัติรูปแบบและอนุมัติเงินงบประมาณในการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาขึ้นใหม่บนที่ตั้งอาคารที่ทำการศาลฎีกหลังเดิมบนถนนราชดำเนินใน และได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงวางศิลาฤกษ์อาคารที่ทำการศาลฎีกา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2535 ต่อมาประเทศไทยประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ศาลฎีกาจึงมีหนังสือถึงรัฐบาลขอระงับการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อแบ่งเบาภาระทางเศรษฐกิจของประเทศ
ต่อมาในปีพุทธศักราช 2549 ศาลฎีกาได้ดำเนินการเพื่อให้มีการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาอีกครั้ง โดยประธานศาลฎีกาขณะนั้นได้เสนอโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาใหม่ เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติต่อที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และที่ประชุมคณะกรรมการมีมติห็นชอบให้ศาลยุติธรมดำเนินการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาเป็นโครงการ เฉลิมพระเกียรติ
ศาลฎีกามีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาอรรถคดีในชั้นฎีกาทั่วราชอาณาจักร และมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเลือกตั้งและคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปัจจุบันการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาได้สำเร็จสมบูรณ์แล้ว เป็นอาคารสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ห้าชั้นที่โอ่โถง กว้างขวาง ทันสมัย มีภูมิสถาปัตย์ที่สอดคล้องกับภูมิทัศน์โดยรอบของเกาะรัตนโกสินทร์ สมแก่เกียรติศักดิ์แห่งสถาบันศาลยุติธรม ซึ่งใช้อำนาจตุลาการภายใต้พระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ทุกประการ
ครั้นเสด็จถึง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธยุติธรรมโลกนาถ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายดิเรก อิงคนินันท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือที่ระลึก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายอาคาร "ศาลฎีกา" แล้วเสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางวาสนา หงส์เจริญ รองประธานศาลฏีกา กราบบังคมทูลเบิกข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมชั้นผู้ใหญ่ จำนวน 120 ราย เข้ารับพระราชทานของที่ระลึกตามลำดับ ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยลงบนแผ่นศิลา เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์
ต่อมาเสด็จขึ้นห้องรับรองที่ประทับ ชั้น 3 อาคารศาลฎีกา ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึก จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายฉลองพระองค์ครุยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว เสด็จเข้าห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกา โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม
จากนั้นเสด็จฯ ไปยังห้องฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมชั้นผู้ใหญ่ ต่อจากนั้น เสด็จฯ ไปยังโถงอาคารศาลยุติธรรม นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายพศวัจณ์ กนกนาก รองประธานศาลฎีกา ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญที่ระลึกแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปยังพระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ บริเวณด้านหน้าอาคารศาลยุติธรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงวางพานพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะ
เดิมศาลฎีกาไม่มีอาคารที่ทำการเป็นเอกเทศ โดยเปิดทำการบนอาคารศาลแพ่งและอาคารกระทวงยุติธรรม ต่อเมื่อศาลแพ่งและกระทรวงยุติธรรมย้ายไปเปิดอาคารทำการที่อื่น ศาลฎีกาจึงได้มีอาคารทำการเป็นเอกเทศ ซึ่งอาคารมีสภาพชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา ต่อมา คณะรัฐนตรีได้มีมติเมื่อปีพุทธศักราช 2535 อนุมัติรูปแบบและอนุมัติเงินงบประมาณในการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาขึ้นใหม่บนที่ตั้งอาคารที่ทำการศาลฎีกหลังเดิมบนถนนราชดำเนินใน และได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงวางศิลาฤกษ์อาคารที่ทำการศาลฎีกา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2535 ต่อมาประเทศไทยประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ศาลฎีกาจึงมีหนังสือถึงรัฐบาลขอระงับการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อแบ่งเบาภาระทางเศรษฐกิจของประเทศ
ต่อมาในปีพุทธศักราช 2549 ศาลฎีกาได้ดำเนินการเพื่อให้มีการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาอีกครั้ง โดยประธานศาลฎีกาขณะนั้นได้เสนอโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาใหม่ เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติต่อที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และที่ประชุมคณะกรรมการมีมติห็นชอบให้ศาลยุติธรมดำเนินการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาเป็นโครงการ เฉลิมพระเกียรติ
ศาลฎีกามีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาอรรถคดีในชั้นฎีกาทั่วราชอาณาจักร และมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเลือกตั้งและคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปัจจุบันการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาได้สำเร็จสมบูรณ์แล้ว เป็นอาคารสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ห้าชั้นที่โอ่โถง กว้างขวาง ทันสมัย มีภูมิสถาปัตย์ที่สอดคล้องกับภูมิทัศน์โดยรอบของเกาะรัตนโกสินทร์ สมแก่เกียรติศักดิ์แห่งสถาบันศาลยุติธรม ซึ่งใช้อำนาจตุลาการภายใต้พระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ทุกประการ