พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 7 และอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครปฐม ณ อาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 7 และอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครปฐม ต.ถนนขาด อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม
วันนี้ (18 พ.ย.) เมื่อเวลา 18.08 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 7 และอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครปฐม ณ อาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 7 และอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครปฐม ต.ถนนขาด อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม
ครั้นเสด็จถึงศาลากลาง จ.นครปฐม ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จ ฯ ไปยังอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 7 และอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครปฐม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร จากนั้นพระราชทานพระบรมราชวโรกาส พระราชวโรกาส ให้ นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 7 และนางชลฎา ลีนะเปสนันท์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 เข้าเฝ้า ฯ ทูลเกล้า ฯ ถวายหนังสือที่ระลึก
ต่อมาเสด็จ ฯ ไปยังมณฑลพิธีวางศิลาฤกษ์ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมพระอิฐ ทอง นาก เงิน และแผ่นศิลาฤกษ์ แล้วทรงวางแผ่นอิฐ ทอง นาก เงิน และแผ่นศิลาฤกษ์ ลงในเบ้า แล้วทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้าย "อาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 7 และอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครปฐม"
ต่อจากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ประทับพระราชอาสน์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล ปฎิบัติหน้าที่เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณแก่ศาลอุธรณ์ภาค 7 และศาลจังหวัดนครปฐม เข้ารับพระราชทานของที่ระลึกจำนวน 120 ราย ตามลำดับ
จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสุพจน์ กิตติรักษนนท์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 7 เข้าเฝ้า ฯ ทูลเกล้า ฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล ตามพระราชอัธยาศัย
การนี้ ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธย ในแผ่นศิลา แล้วเสด็จ ฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ เสด็จขึ้นห้องประทับรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธย ในสมุดเยี่ยม ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ศาลยุติธรรม ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 7 ศาลจังหวัดนครปฐม และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จังหวัดนครปฐม สมควรแก่เวลา เสด็จ ฯ กลับ
ทั้งนี้ "ศาลอุทรณ์ภาค 7" จัดสร้งขึ้นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์ภาค พ.ศ.2532 และได้มีพระราชกฤษฎีกาเปิดทำการซึ่งเดิมมีที่ตั้งอยู่ ณ กรุงเทพมหานคร ถ.รัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร ขณะที่ศาลอุทธรณ์ภาค7 มีอรรถคดีขึ้นสู่ศาลทั้งการอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้น การยื่นคำฟ้องหรือคำร้องต่อศาลอุทรณ์ภาค 7 โดยตรง เช่น คดีเกี่ยวกับการขอให้สั่งมีการเลือกตั้งใหม่ หรือเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
โดยเขตอำนาจศาลนั้นครอบคลุม 8 จังหวัด ประกอบด้วย กาญจนบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี ต่อมาในปี พ.ศ.2562 จึงได้มีประกาศคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรม เรื่องเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลอุทธรณ์ภาค 7 จากกรุงเทพฯ มายัง
จ.นครปฐม เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ประชาชนในการที่จะเดินทางมาติดต่อราชการศาล
ส่วนศาลจังหวัดนครปฐม เดิมตั้งอยู่เลขที่ 86 ถ.เทศา ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม เขตอำนาจพิจรณาพิพากษาคดีครอบคลุมพื้นที่ 7 อำเภอ ประกอบด้วย อ.กำแพงแสน อ.ดอนตูม อ.นครชัยศรี อ.บางเลน อ.พุทธมณฑล อ.เมืองนครปฐม อ.สามพราน โดยอาคารที่ทำการนั้นรวมอยู่ในอาคารเดียวกับสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 7 และศาลแขวงนครปฐม ประกอบกับมีปริมาณคดีเพิ่มมากขึ้นตามความเจริญของ จ.นครปฐม ส่งผลให้ที่ทำการเดิมคับแคบไม่สามารถรองรับปริมาณคดีที่เพิ่มมากขึ้นได้ ดังนั้นเพื่อให้การบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพ ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยสะดวก รวดเร็ว ไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงเกินสมควร สำนักงานศาลยุติธรรม จึงดำเนินการสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 7 และศาลจังหวัดนครปฐม ในศูนย์ราชการจังหวัดนครปฐม
ขณะที่อาคารศาลอุทรณ์ภาค 7 หลังใหม่ เป็นอาคาร 3 ชั้น ขนาด 1 บัลลังก์ และศาลจังหวัดนครปฐม ขนาด 18 บัลลังก์ ที่ตั้งเดียวกันก่อสร้างบนที่ดินราชพัสดุ เนื้อที่ 21 ไร่เศษ ซึ่งแบ่งเนื้อที่ก่อสร้างอาคารบ้านพักข้าราชการศาลยุติธรรม ประมาณ 7 ไร่เศษ โดยอาคารที่ทำการของทั้งสองศาลได้สร้างสำเร็จสมบูรณ์แล้วอาคารมีความกว้างขวาง เครื่องมืออุปกรณ์ทันสมัยเหมาะสม พร้อมให้บริการประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เป็นอย่างดี