นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง นายกฯ ตู่ ได้ไปต่อ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,477 ตัวอย่าง พบว่า
เมื่อถามความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 95.7 ระบุ ด้านสุขภาพ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้บัตรประชาชนใบเดียวใช้ได้ทุกโรงพยาบาล รองลงมา ร้อยละ 95.5 ระบุ ด้านคมนาคม รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานถนนเส้นทางต่างระดับเชื่อมภูมิภาค เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 94.6 ระบุ ด้านการศึกษา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานความเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยเหลือเด็กยากจนพิเศษ ฝาบ้านไม่ครบสี่ด้าน จะดูแลจนจบปริญญาตรี มีงานทำ
นอกจากนี้ ร้อยละ 94.5 ระบุ ด้านเศรษฐกิจการศึกษา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กนักเรียนยากจนพิเศษมีทักษะดี มีงานทำ รายได้ดี ในขณะที่ร้อยละ 94.4 ระบุ ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้เกิดโครงการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ร้อยละ 94.0 ระบุ ด้านคมนาคม รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานรถไฟฟ้าสายต่างๆ ของคนเมือง ร้อยละ 93.8 ระบุ ผลงานระดับโลก รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานรับมือวิกฤตโควิด-19 ได้อันดับหนึ่งของโลก ร้อยละ 92.0 ระบุ ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานโครงการ "คนละครึ่ง" แก้ปัญหาปากท้อง กระตุ้นเศรษฐกิจได้ถูกจุด ตรงเป้า ร้อยละ 91.7 ระบุ ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรขยายเวลา และเร่งแก้ปัญหาโครงการ "คนละครึ่ง" ให้ดีที่สุด เช่น ขยายฐานคนมีสิทธิ์มากขึ้น แก้ระบบฐานข้อมูลที่ผิดพลาด ระบบขัดข้อง ร้านค้าโกงลูกค้า ลดจำนวนสินค้า โก่งราคา เป็นต้น และร้อยละ 89.4 ระบุ ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรเปิดประเทศกระตุ้นท่องเที่ยว ฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังวิกฤตโควิด-19
ที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 74.7 ระบุ ความขัดแย้งของคนในชาติ ปัญหาบ้านเมืองยังอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ ในขณะที่ร้อยละ 25.3 ระบุ ควบคุมไม่อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 90.1 เห็นด้วยที่ควรมีนายกรัฐมนตรีคนกลาง ไม่สังกัดพรรคการเมือง เพื่อทำประโยชน์ให้คนทั้งประเทศมากกว่าเอื้อประโยชน์จัดสรรงบให้พื้นที่ฐานเสียงของตนเท่านั้น ในขณะที่ร้อยละ 9.9 ไม่เห็นด้วย
ที่น่าสนใจ คือ เมื่อถามถึงบุคคลที่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในสถานการณ์แบบนี้ มากที่สุด พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 59.3 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทิ้งห่างอันดับสอง คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ร้อยละ 15.0 อันดับสาม ร้อยละ 14.7 คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามมาด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 7.3 และอื่นๆ เช่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ร้อยละ 3.7
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ณ เวลานี้ คนส่วนใหญ่ยังคิดว่ารัฐบาลและทุกฝ่ายช่วยกันควบคุมสถานการณ์ความขัดแย้งของคนในชาติเอาไว้ได้ และคนส่วนใหญ่ยังเห็นผลงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในด้านต่างๆ เช่น ด้านสุขภาพ ที่รับมือวิกฤตโควิด-19 ได้อันดับหนึ่งของโลก ด้านคมนาคม ที่สร้างเส้นทางต่างระดับเชื่อมภูมิภาคของประเทศ เช่น ภาคอีสาน ได้สำเร็จในยุคนี้ และรถไฟฟ้าสายต่างๆ ของคนนเมือง ในท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจของโลก และยังมีผลงานด้านความเสมอภาคทางการศึกษา ที่ช่วยเหลือเด็กยากจนพิเศษที่ฝาบ้านไม่ครบสี่ด้านในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่แรกเข้าเรียน ช่วยเหลือทุกอย่าง จะขยายผลถึงปริญญาตรี มีงานทำเมื่อเรียนจบ และยังช่วยเหลือพ่อแม่ผู้ปกครองมีทักษะดี มีงานทำ รายได้ดี ระหว่างการศึกษา ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เป็นต้น ส่งผลทำให้ฐานสนับสนุนของประชาชนให้ "นายกฯ ตู่ ได้ไปต่อ" ในท่ามกลางคนไทยทุกคนที่มีจิตในเป็นกลาง ไม่ใช้มิจฉาทิฏฐิต่อกัน
นายนพดล กล่าวว่า นายกฯ ตู่ ได้ไปต่อ เพราะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากที่สุดกับสถานการร์ของประเทศปัจจุบัน ที่นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งได้ด้วยการสนับสนุนของหลายพรรคการเมือง เสมือนนายกรัฐมนตรียืนอยู่บนแพลอยน้ำที่ต่อขึ้นมาจากหลายส่วน สะท้อนให้เห็นว่าสังคมการเมืองไทยมีหลายขั้ว ไม่ใช่แค่สองขั้วที่เรียกขานกันว่าเป็นพวกสลิ่มกับพวกชังชาติเท่านั้น จึงไม่ง่ายที่จะเกิดการเผชิญหน้าเหมือนบางยุคบางสมัย เพราะห้วงเวลานี้สังคมไทยมีหลายขั้วหลายกลุ่ม
ดังนั้น ไม่ควรมองการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ เป็นศัตรูกัน ถ้าการเคลื่อนไหวของม็อบไม่รุนแรงบานปลาย ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญในสังคมที่อาจจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของคนส่วนใหญ่ภายในประเทศให้สำนึกรู้คุณแผ่นดิน ปกป้องรักษาสถาบันหลักของชาติอย่างเข้มแข็ง พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์โโดยไม่หวั่นไหว แต่คนที่ทำผิดกฎหมายต้องถูกจัดการอย่างเคร่งครัดเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเกิดการลอกเลียนแบบพฤติกรรมทำตามๆ กันจนอาจกลายเป็นโจทย์ที่ยากและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นอันตรายต่อความรักความสามัคคีของคนในชาติด้วยความหลากหลายบนแผ่นดินเดียวกัน
: ซูเปอร์โพล
เมื่อถามความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 95.7 ระบุ ด้านสุขภาพ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้บัตรประชาชนใบเดียวใช้ได้ทุกโรงพยาบาล รองลงมา ร้อยละ 95.5 ระบุ ด้านคมนาคม รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานถนนเส้นทางต่างระดับเชื่อมภูมิภาค เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 94.6 ระบุ ด้านการศึกษา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานความเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยเหลือเด็กยากจนพิเศษ ฝาบ้านไม่ครบสี่ด้าน จะดูแลจนจบปริญญาตรี มีงานทำ
นอกจากนี้ ร้อยละ 94.5 ระบุ ด้านเศรษฐกิจการศึกษา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กนักเรียนยากจนพิเศษมีทักษะดี มีงานทำ รายได้ดี ในขณะที่ร้อยละ 94.4 ระบุ ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้เกิดโครงการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ร้อยละ 94.0 ระบุ ด้านคมนาคม รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานรถไฟฟ้าสายต่างๆ ของคนเมือง ร้อยละ 93.8 ระบุ ผลงานระดับโลก รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานรับมือวิกฤตโควิด-19 ได้อันดับหนึ่งของโลก ร้อยละ 92.0 ระบุ ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานโครงการ "คนละครึ่ง" แก้ปัญหาปากท้อง กระตุ้นเศรษฐกิจได้ถูกจุด ตรงเป้า ร้อยละ 91.7 ระบุ ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรขยายเวลา และเร่งแก้ปัญหาโครงการ "คนละครึ่ง" ให้ดีที่สุด เช่น ขยายฐานคนมีสิทธิ์มากขึ้น แก้ระบบฐานข้อมูลที่ผิดพลาด ระบบขัดข้อง ร้านค้าโกงลูกค้า ลดจำนวนสินค้า โก่งราคา เป็นต้น และร้อยละ 89.4 ระบุ ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรเปิดประเทศกระตุ้นท่องเที่ยว ฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังวิกฤตโควิด-19
ที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 74.7 ระบุ ความขัดแย้งของคนในชาติ ปัญหาบ้านเมืองยังอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ ในขณะที่ร้อยละ 25.3 ระบุ ควบคุมไม่อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 90.1 เห็นด้วยที่ควรมีนายกรัฐมนตรีคนกลาง ไม่สังกัดพรรคการเมือง เพื่อทำประโยชน์ให้คนทั้งประเทศมากกว่าเอื้อประโยชน์จัดสรรงบให้พื้นที่ฐานเสียงของตนเท่านั้น ในขณะที่ร้อยละ 9.9 ไม่เห็นด้วย
ที่น่าสนใจ คือ เมื่อถามถึงบุคคลที่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในสถานการณ์แบบนี้ มากที่สุด พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 59.3 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทิ้งห่างอันดับสอง คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ร้อยละ 15.0 อันดับสาม ร้อยละ 14.7 คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามมาด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 7.3 และอื่นๆ เช่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ร้อยละ 3.7
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ณ เวลานี้ คนส่วนใหญ่ยังคิดว่ารัฐบาลและทุกฝ่ายช่วยกันควบคุมสถานการณ์ความขัดแย้งของคนในชาติเอาไว้ได้ และคนส่วนใหญ่ยังเห็นผลงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในด้านต่างๆ เช่น ด้านสุขภาพ ที่รับมือวิกฤตโควิด-19 ได้อันดับหนึ่งของโลก ด้านคมนาคม ที่สร้างเส้นทางต่างระดับเชื่อมภูมิภาคของประเทศ เช่น ภาคอีสาน ได้สำเร็จในยุคนี้ และรถไฟฟ้าสายต่างๆ ของคนนเมือง ในท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจของโลก และยังมีผลงานด้านความเสมอภาคทางการศึกษา ที่ช่วยเหลือเด็กยากจนพิเศษที่ฝาบ้านไม่ครบสี่ด้านในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่แรกเข้าเรียน ช่วยเหลือทุกอย่าง จะขยายผลถึงปริญญาตรี มีงานทำเมื่อเรียนจบ และยังช่วยเหลือพ่อแม่ผู้ปกครองมีทักษะดี มีงานทำ รายได้ดี ระหว่างการศึกษา ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เป็นต้น ส่งผลทำให้ฐานสนับสนุนของประชาชนให้ "นายกฯ ตู่ ได้ไปต่อ" ในท่ามกลางคนไทยทุกคนที่มีจิตในเป็นกลาง ไม่ใช้มิจฉาทิฏฐิต่อกัน
นายนพดล กล่าวว่า นายกฯ ตู่ ได้ไปต่อ เพราะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากที่สุดกับสถานการร์ของประเทศปัจจุบัน ที่นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งได้ด้วยการสนับสนุนของหลายพรรคการเมือง เสมือนนายกรัฐมนตรียืนอยู่บนแพลอยน้ำที่ต่อขึ้นมาจากหลายส่วน สะท้อนให้เห็นว่าสังคมการเมืองไทยมีหลายขั้ว ไม่ใช่แค่สองขั้วที่เรียกขานกันว่าเป็นพวกสลิ่มกับพวกชังชาติเท่านั้น จึงไม่ง่ายที่จะเกิดการเผชิญหน้าเหมือนบางยุคบางสมัย เพราะห้วงเวลานี้สังคมไทยมีหลายขั้วหลายกลุ่ม
ดังนั้น ไม่ควรมองการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ เป็นศัตรูกัน ถ้าการเคลื่อนไหวของม็อบไม่รุนแรงบานปลาย ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญในสังคมที่อาจจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของคนส่วนใหญ่ภายในประเทศให้สำนึกรู้คุณแผ่นดิน ปกป้องรักษาสถาบันหลักของชาติอย่างเข้มแข็ง พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์โโดยไม่หวั่นไหว แต่คนที่ทำผิดกฎหมายต้องถูกจัดการอย่างเคร่งครัดเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเกิดการลอกเลียนแบบพฤติกรรมทำตามๆ กันจนอาจกลายเป็นโจทย์ที่ยากและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นอันตรายต่อความรักความสามัคคีของคนในชาติด้วยความหลากหลายบนแผ่นดินเดียวกัน
: ซูเปอร์โพล