โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ส่งเอกสารคำชี้แจงถึงสื่อมวลชนวันนี้ (11 พ.ย.) เรื่องเจรจาไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาททางแพ่ง ว่า ตามที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุดได้ขอเชิญให้ผู้ประกอบกิจการโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เข้าประชุมเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและร่วมเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่งกรณีครูพี่เลี้ยงทำร้ายร่างกายเด็กในวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 โดยโรงเรียนได้ทำหนังสือลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 แจ้งว่าโรงเรียนขอสงวนสิทธิ์ไม่เข้าร่วมประชุมนั้น
โรงเรียนฯ ขอชี้แจงว่าโรงเรียนได้ระบุชัดเจนในหนังสือดังกล่าวว่าโรงเรียนขอสงวนสิทธิ์ไม่เข้าร่วมประชุมเพราะไม่ประสงค์จะให้เกิดความสับสนหรือล่าช้าหากต้องมีการเริ่มต้นกระบวนการในการหาข้อมูล การเจรจา หรือการดำเนินการที่เกี่ยวข้องใหม่ เนื่องจากนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ โรงเรียน ประสานงานกับสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย จังหวัดนนทบุรี อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องมาตลอด ได้มีการให้ข้อมูล การเชิญผู้ปกครองของนักเรียนที่ได้รับผลกระทบมาพูดคุย และได้คืนเงินค่าเทอม ค่าหนังสือ ค่าพบแพทย์ รวมทั้งการดำเนินการเกี่ยวกับการดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมไปแล้วส่วนหนึ่ง ตลอดจนดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. โรงเรียนฯ ได้ดำเนินการแก้ไขป้องกันไม่ให้เกิดเหตุทำร้ายเด็กนักเรียนอีก โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงาน การออกมาตรการพัฒนาครูและบุคลากร การเข้มงวดในการปฎิบัติตามระเบียบของโรงเรียนที่ห้ามครูและบุคลากรลงโทษเด็กนักเรียนอย่างไม่มีเหตุผลและรุนแรง
2. โรงเรียนฯ ยกเว้นค่าเล่าเรียน 1 ปี ให้แก่นักเรียนชั้นอนุบาลทุกคนรวมประมาณ 310 คน โดยคืนเงินค่าเทอมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในเทอมแรกทั้งหมด และไม่เก็บค่าเล่าเรียนในภาคเรียนต่อไป รวมทั้งไม่เก็บเงินค่าเรียนพิเศษ มูลค่าของการดำเนินการดังกล่าวเบื้องต้นเป็นเงินประมาณ 11,328,828 บาท
3. โรงเรียนฯ เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดกรณีที่นักเรียนที่ได้รับผลกระทบต้องเข้าพบจิตแพทย์ โดยในเบื้องต้นได้ขอให้ผู้ปกครองสำรองเงินจ่ายไปก่อน และนำใบเสร็จมาเบิก ซึ่งนับจนถึงปัจจุบัน โรงเรียนได้ชำระค่าพบจิตแพทย์ให้แก่ผู้ปกครองของนักเรียนจำนวน 3 ราย ที่ส่งเอกสารค่ารักษาพยาบาลมาให้กับทางโรงเรียนแล้ว รวมเป็นเงิน 22,366 บาท
4. โรงเรียนฯ ยินดีที่จะเยียวยาจิตใจนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ และได้ประสานงานรวมทั้งกำหนดวันไกล่เกลี่ยร่วมกับสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย จังหวัดนนทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว อย่างไรก็ดี โรงเรียนเห็นว่าค่าเสียหายที่ผู้ปกครองทั้ง 24 รายเรียกร้องมานั้นมีมูลค่าสูง จึงเห็นควรที่จะให้ศาลสถิตยุติธรรมเป็นผู้กำหนด เพื่อความเหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ตลอดระยะเวลาเกือบ 60 ปีที่โรงเรียนฯ เปิดดำเนินการมานั้น ไม่เคยเกิดกรณีเช่นนี้มาก่อน ทางโรงเรียนเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่เกิดเหตุการณ์นี้ เราพร้อมที่จะรับผิดชอบ ด้วยตระหนักว่านักเรียนเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหว เป็นทรัพยากรที่สำคัญและมีค่ามากต่อประเทศชาติในอนาคต โรงเรียนฯ ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บรรลุข้อยุติที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย ยุติผลกระทบที่อาจเกิดแก่ตัวนักเรียน และให้มั่นใจว่านักเรียนที่ได้รับผลกระทบทุกรายจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงโรงเรียนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อนักเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการจัดการศึกษาและดูแลสถานศึกษาต่อไป