ผู้ปกครอง นร.สารสาสน์-ทนายรณณรงค์ นัดอัยการเจรจาค่าเสียหาย 130 ล้าน คดีทำร้ายเด็กอนุบาลไม่ลงตัว เหตุผู้แทน ร.ร.สารสาสน์ไม่ยินยอม ยันให้ศาลตัดสินตามขั้นตอนกฎหมาย
วันนี้ (10 พ.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ เดินทางมาตามที่อัยการสูงสุดนัดกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์ฯ และผู้แทนโรงเรียนสารสาสน์เจรจาไกล่เกลี่ยครั้งแรก กรณีครูและพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กนักเรียนภายในโรงเรียนสารสาสน์ฯ
นายรณณรงค์เปิดเผยว่า กรณีนี้ผู้ปกครองได้ยื่นเรื่องต่ออัยการเพื่อดำเนินการฟ้องคดีทางแพ่ง ซึ่งอัยการได้รับเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และเป็นคดีที่มีการละเมิดสิทธิต่อเด็ก เพื่อไม่ให้โรงเรียนอื่นเอาเป็นแบบอย่าง โดยผู้ปกครองเรียกค่าเสียหายเยียวยาสภาพจิตใจรายละ 5 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนมากกว่า 130 ล้านบาท ส่วนตัวมองว่าไม่มากเกินไป เพราะแพทย์ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าอาการของเด็กที่ถูกทำร้ายจะหายจากการหวาดกลัวนานเพียงใด ส่วนตัวแทนโรงเรียนจะมาหรือไม่นั้น ทางอัยการสูงสุดก็จะดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งตามขั้นตอนอยู่แล้ว
ด้านผู้ปกครองเปิดเผยว่า ปัจจุบันสภาพจิตใจลูกยังมีอาการหวาดผวา อารมณ์รุนแรง จนบางครั้งมีอาการทำร้ายตนเอง ส่วนอีกรายจะปิดประตูห้องทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดังๆ อยากให้เข้าใจว่าลูกถูกทารุณกรรม ไม่ทราบว่าสภาพจิตใจกลับมาใช้ชีวิตประจำวันเป็นปกติได้เมื่อไหร่ เงินเยียวยา 5 ล้านบาท ถือว่าไม่มากหากเทียบกับสภาพจิตใจของลูกและค่ารักษาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่ผ่านมาโรงเรียนได้คืนค่าเล่าเรียน 1 เทอมให้กับทางผู้ปกครองแล้ว แต่ในเรื่องอื่นๆ เช่น ค่ารักษาทางจิตเวช ทางโรงเรียนยังไม่ให้ความช่วยเหลือ หากที่ผ่านมาทางโรงเรียนออกมารับผิดชอบคิดว่ายอดเงินจะไม่สูงเท่านี้
ส่วนนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า วันนี้เป็นการนัดไกล่เกลี่ยผู้ปกครองกับทางโรงเรียน เป็นขั้นตอนทางกฎหมาย เป็นการลดคดีในชั้นศาลได้หากทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาค่าเสียหายร่วมกันได้ โดยการเชิญครั้งนี้อัยการสำนักงานอัยการสูงสุดทำหน้าที่เป็นคนกลาง เพื่อเชิญสองฝ่ายมาพูดคุยอย่างสมัครใจ แต่ทางผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์ฯ ได้ตอบกลับทางจดหมายเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ขอปฏิเสธการไกล่เกลี่ย โดยแจ้งว่าไม่สมัครใจในการพูดคุย มีความประสงค์ให้ศาลตัดสินค่าความเสียหาย ส่วนวันนี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะหารือร่วมกับคณะทำงานและผู้ปกครอง ซึ่งอาจจะทำหนังสือเชิญมาอีกครั้ง หากโรงเรียนไม่สมัครใจมาไกล่เกลี่ยก็จะทำหน้าที่แนะนำชี้ช่องทางกฎหมาย
นายประยุทธกล่าวด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าในคดีอาญาที่มีการดำเนินคดีต่อครูและบุคลากรของโรงเรียนสารสาสน์ฯ ในความผิดฐานทำร้ายร่างกาย และฝ่าฝืน พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ทางศาลแขวงนนทบุรี ได้ทำการฟ้องไปแล้วจำนวน 19 คดี ตัดสินแล้ว 7 คดี ในความผิด 13 กระทง มีคำพิพากษาจำคุกความผิดกระทงละ 15 วันโดยไม่รอลงอาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2563 ศาลแขวงนนทบุรีมีคำพิพากษาคดีอาญา กรณีครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กอนุบาลโรงเรียนสารสาสน์ฯ ดังนี้ 1.คดีหมายเลขดำ 4104/2563 น.ส.โชษิตา ชมเชย หรือครูอิง จำคุก 1 เดือน 2. คดีหมายเลขดำ 4183/2563 น.ส.นิภาพร หรือนิ ปานเพ็ง จำคุก 15 วัน 3.คดีหมายเลขดำ 4107/2563 นางภาลินี หรือกิ๊ก กลิ่นเดช จำคุก กระทงละ 15 วัน รวม 3 กระทง คงจำคุก 45 วัน 4.คดีหมายเลขดำ 4109/2563 น.ส.อาภัสรา ทองสุก หรือครูมิ้ว จำคุก 15 วัน 5.คดีหมายเลขดำ 4206/2563 น.ส.พจนา วะภักดิ์เพชร หรือครูหวาน จำคุก 15 วัน สำหรับคำร้องขอชดใช้ค่าสินไหมทดแทนทางแพ่ง ศาลนัดพิจารณาคำร้องคดีส่วนแพ่งในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.