นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตั้งแต่มีการชุมนุม 14 ต.ค.16 ถึง 22 พ.ค.57 เป็นต้นมา ผู้ชุมนุมไม่เคยชนะได้ด้วยตัวของผู้ชุมนุมเอง และผู้มีอำนาจแต่ละยุคแต่ละสมัยก็ไม่เคยอยู่ได้สักคน ในที่สุดก็จะต้องมีเหตุมีปัจจัยทำให้การชุมนุมยุติลงและผู้นำก็พ่ายแพ้ ไม่มีใครยืนหยัดอยู่ได้
ถ้าเราจะลองไล่เรียงดู จอมพลถนอม จอมพลประภาส พลเอกสุจินดา คราประยูร มีอำนาจในกองทัพที่แข็งแกร่ง มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สุดท้ายก็พ่ายแพ้ ยุคประชาธิปไตย ถ้าเราพิจารณาดูแต่ละคน ตั้งแต่ทักษิณ ชินวัตร สมัคร สุนทรเวช สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องถือว่าเสียงจากการเลือกตั้ง เสียงจากประชาชนท่วมท้นทั้งในสภาและนอกสภา เมื่อมีการชุมนุมก็ต้องกระเด็นกระดอนไปคนละทิศคนละทาง ทั้งจากรัฐประหารหรือคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสื้อแดงชุมนุมประท้วงก็ยุบสภา หยุดการเผชิญหน้า ต่อมายิ่งลักษณ์ ชุมนุมโดย กปปส.สู้กันมา 6 เดือน สุดท้ายก็ไม่มีใครชนะ เกิดรัฐประหารโดย คสช.
ถ้าเราพิจารณามาโดยลำดับจะเห็นว่า ผู้นำแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้นต่างไม่มีใครยอมใคร จะใช้เวลาชุมนุมสั้นบ้าง ยาวบ้าง แข็งขืนกันนานบ้าง ในที่สุดก็ไม่มีใครอยู่ได้สักคน ถึงที่สุดจริงๆ จะไม่มีใครยอมให้บ้านเมืองกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมและการเมือง แล้วก็เข้ามาจัดการให้บ้านเมืองเดินกันต่อไป แม้ในอดีตอาจจะมีพลเอกชวลิต พลเอกเกรียงศักดิ์ ลาออกอยู่บ้าง แต่ก็มิใช่ในสถานการณ์เหมือนการชุมนุมแต่ละครั้งที่ผ่านมา
ก็น่าติดตามนะ ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ลาออก แต่พลเอกประยุทธ์ก็ประกาศแล้วว่าจะไม่ลาออก เมื่อยันกันอยู่อย่างนี้ ในที่สุดจะจบลงแบบไหน จะเหมือนหรือต่างกันกับประวัติศาสตร์ทางการเมืองของผู้นำในอดีตที่ว่ามาแล้วหรือไม่