นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า ไปไม่เป็น ถอยไม่ได้ ม็อบ 19 กันยายน จะไปไงดี ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประกาศไม่ให้ใช้สถานที่จัดชุมนุม อยากจะตัดโซ่ก็ตัดไป อยากบุกรุกสถานที่ก็ทำไป คนจะมามากมาน้อยก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า มุกเริ่มแป้ก
ความชอบธรรม ข้ออ้าง เหตุผลในการชุมนุมเริ่มตีบตัน จะอ้างแก้รัฐธรรมนูญ ส.ส.ก็ยื่นเรื่องขอแก้ไขเข้าสภาแล้ว กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเริ่มนับหนึ่ง จะแก้ยังไงว่ากันในสภาไม่ใช่บนถนน
จะเดินหน้า 10 ข้อเสนอเรื่องสถาบันฯ พบแรงต้านมหาศาล จะไปชุมนุมที่จังหวัดไหนก็ถูกต่อต้าน เบาบ้างแรงบ้าง คนไม่เอาด้วย
แถมสุ่มเสี่ยงติดคุก ไอ้ที่จะเบิ้มๆ สงสัยเบิ้มไม่ไหว ไปไม่เป็น คนเห็นด้วยน้อยมาก
ทำท่าจะระดมคนไม่ได้ หันมาใช้ระบบคาร์พลู มันก็ขนคนมาม็อบแบบเสื้อแดงเคยทำ นั่นแหละ ใครจ่ายเงิน ค่ารถ ค่าอาหารการกิน ค่าแรง
สุดท้ายโม้ว่า ประเทศเป็นของคนรุ่นใหม่ ให้คนแก่วางมือ ถอยออกไป แต่เมื่อประเมินแล้วไม่น่าจะได้เป้า ต้องหาแนวร่วมจากคนชรา คนพิการที่รัฐยังไม่ได้จ่ายเบี้ยยังชีพ รวมทั้งคนตกงานให้มาร่วมชุมนุม
การชุมนุมครั้งนี้ จะมีคนมาร่วมกี่หมื่นกี่แสนก็ไม่มีความหมาย หากไม่เกิดเหตุรุนแรง ไม่มีการปราบปรามโดยรัฐ กปปส.มีคนมาร่วมชุมนุมนับล้านคน ล็อกดาวน์กรุงเทพ ถูกกระทำ จากชายชุดดำ กองกำลังไม่ปรากฏฝ่าย ยึดทำเนียบ ยึดสถานที่ราชการสำคัญ แต่ล้มรัฐบาลไม่ได้ ไม่เกิด Uprising ต่างประเทศไม่กล้าแทรกแซง แต่คดีความบานเบอะ แกนนำชักแถวเดินขึ้นศาล
พ่อทูนหัวที่แกนนำไปกินเค้กกินกาแฟด้วยและหวังจะให้เข้ามาแทรกแซงเป็นตัวโจ๊กเกอร์ หนุนช่วยฝ่ายก้าวร้าวก็ออกตัวเสียแล้ว ว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่แทรกแซงการเมืองภายในของไทย จะให้ดี น่าจะไปพูดที่กระทรวงการต่างประเทศ
แรงต้านเริ่มมาเป็นกอบเป็นกำ ไหนจะกลุ่มอาชีวะจงรักภักดี ไหนจะกลุ่มหมอวรงค์ สุดท้ายเจอกลุ่มประชาชนคนไทยของพิชิต ชัยมงคล แกนนำนักเคลื่อนไหวตัวจริงเสียงจริง
เชื่อเถอะ อย่าไปหลงเชื่อแรงยุมากนัก ขึ้นโรงขึ้นศาล ติดคุกตั้งแต่เด็ก หมดอนาคต ตัวจริงเสียงจริง หนีไปนอกหมดแล้ว เสียงปืนแตกจะออกมาเดินนำ หลอกอย่างนี้มาหลายหนหลายคนแล้ว