รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า
"สถิติการตรวจคัดกรอง COVID-19 ในประเทศไทย หากเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้ว ไทยเรายังตรวจไม่เยอะครับ เฉลี่ยแล้วประชากร 1,000 คน ได้รับการตรวจไป 6.16 คน
ในประชากรทุก 1,000 คน อเมริกาจะตรวจไปถึง 286 คน รัสเซียจะตรวจไป 273 คน ออสเตรเลียจะตรวจไป 268 คน สหราชอาณาจักรจะตรวจไป 237 คน นิวซีแลนด์จะตรวจไป 175 คน เยอรมนีจะตรวจไป 160 คน สเปนจะตรวจไป 157 คน มาเลเซียจะตรวจไป 41 คน อินเดียจะตรวจไป 38 คน บราซิลจะตรวจไป 26 คน ฟิลิปปินส์จะตรวจไป 25 คน ส่วนญี่ปุ่นจะตรวจไป 15 คน
หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง สถานการณ์ในปัจจุบันที่ไทยเรามีการติดเชื้อภายในประเทศที่รายงานมาติดๆ กันทั้งที่ยืนยันและที่กำลังสอบสวนหลายรายดังที่เป็นข่าวนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่มการตรวจคัดกรองโรค COVID-19 มากขึ้นครับ ไม่งั้นจะมีแนวโน้มว่า เราไม่มีเคส เพราะตรวจไม่มาก และจะเกิดปัญหาตามมาในอนาคต ในลักษณะที่จู่ๆ ก็เกิดเคสที่มีอาการรุนแรงโผล่มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว พอมาตรวจเจอ ก็อาจมีการแพร่ระบาดไปแล้ว
ดังนั้น การเพิ่มจุดบริการตรวจคัดกรองโรค ทั้งแบบแยงจมูก น้ำลาย และตรวจเลือดเพื่อหาแอนติบอดี น่าจะเป็นประโยชน์และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
บริการควรมีทั้งในโรงพยาบาล รถโมบายประจำตามที่ต่างๆ รวมถึงจุดบริการนอกโรงพยาบาลในรูปแบบอื่นๆ
ที่สำคัญคือ ควรปลดล็อกให้สามารถตรวจได้ฟรี เบิกจ่ายจากทุกกองทุน โดยไม่จำเป็นต้องมีอาการ
โรคเอดส์...เราสนับสนุนให้ทุกคนตรวจได้
ตอนนี้โรค COVID-19...เราจำเป็นต้องทำแล้วครับ"
"สถิติการตรวจคัดกรอง COVID-19 ในประเทศไทย หากเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้ว ไทยเรายังตรวจไม่เยอะครับ เฉลี่ยแล้วประชากร 1,000 คน ได้รับการตรวจไป 6.16 คน
ในประชากรทุก 1,000 คน อเมริกาจะตรวจไปถึง 286 คน รัสเซียจะตรวจไป 273 คน ออสเตรเลียจะตรวจไป 268 คน สหราชอาณาจักรจะตรวจไป 237 คน นิวซีแลนด์จะตรวจไป 175 คน เยอรมนีจะตรวจไป 160 คน สเปนจะตรวจไป 157 คน มาเลเซียจะตรวจไป 41 คน อินเดียจะตรวจไป 38 คน บราซิลจะตรวจไป 26 คน ฟิลิปปินส์จะตรวจไป 25 คน ส่วนญี่ปุ่นจะตรวจไป 15 คน
หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง สถานการณ์ในปัจจุบันที่ไทยเรามีการติดเชื้อภายในประเทศที่รายงานมาติดๆ กันทั้งที่ยืนยันและที่กำลังสอบสวนหลายรายดังที่เป็นข่าวนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่มการตรวจคัดกรองโรค COVID-19 มากขึ้นครับ ไม่งั้นจะมีแนวโน้มว่า เราไม่มีเคส เพราะตรวจไม่มาก และจะเกิดปัญหาตามมาในอนาคต ในลักษณะที่จู่ๆ ก็เกิดเคสที่มีอาการรุนแรงโผล่มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว พอมาตรวจเจอ ก็อาจมีการแพร่ระบาดไปแล้ว
ดังนั้น การเพิ่มจุดบริการตรวจคัดกรองโรค ทั้งแบบแยงจมูก น้ำลาย และตรวจเลือดเพื่อหาแอนติบอดี น่าจะเป็นประโยชน์และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
บริการควรมีทั้งในโรงพยาบาล รถโมบายประจำตามที่ต่างๆ รวมถึงจุดบริการนอกโรงพยาบาลในรูปแบบอื่นๆ
ที่สำคัญคือ ควรปลดล็อกให้สามารถตรวจได้ฟรี เบิกจ่ายจากทุกกองทุน โดยไม่จำเป็นต้องมีอาการ
โรคเอดส์...เราสนับสนุนให้ทุกคนตรวจได้
ตอนนี้โรค COVID-19...เราจำเป็นต้องทำแล้วครับ"
