นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ไต่สวนและสอบสวนอนุกรรมาธิการงบประมาณทั้ง 8 ชุด ที่เกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และอธิบดีกรมต่างๆ ที่ต้องมาชี้แจงการใช้งบประมาณแผ่นดินในแต่ละปี เนื่องจากอนุกรรมาธิการงบฯ ไม่ยอมปล่อยผ่านงบประมาณให้
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ระบุว่ามีอนุกรรมาธิการฯ เรียกรับผลประโยชน์จำนวน 5 ล้านบาท และหลายคนบอกว่าอาจจะถึง 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณ ถ้าเป็นเรื่องจริงถือว่าเลวร้ายมากสำหรับการเมืองการปกครองของบ้านเรา การตบทรัพย์ในลักษณะนี้เป็นเรื่องที่น่าละอาย ไม่น่าเกิดขึ้นในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งเรื่องเหล่านี้กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะถ้าเข้ามาแล้วต้องมาเจอระบบราชการที่มีพฤติการณ์คอรัปชั่น มีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
นายศรีสุวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของ ป.ป.ช.ที่จะต้องเรียกบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มาชี้แจงข้อมูลว่ามีอนุกรรมการฯคนใด หรือ ส.ส.คนใด ใช้พฤติการณ์โทรศัพท์ไปเรียกรับผลประโยชน์ เพราะผิดรัฐธรรมนูญและประมวลจริยธรรมอย่างรุนแรง โทษสูงสุดไล่ออกจาการเป็น ส.ส. ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากที่ ป.ป.ช.จะแสวงหาข้อเท็จจริง เพราะสามารถเรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบันทึกการประชุมมาตรวจได้เลยว่ามี ส.ส.คนไหนพยายามตั้งคำถาม พยายามไล่บี้อธิบดีต่างๆ จะทำให้รู้เลยว่าบุคคลนั้นอาจจะเข้าข่าย
หากเรียกอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลมาให้ข้อมูล และอาจเรียกนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทยมาให้ข้อมูลด้วย เพราะออกมายอมรับว่ามีพฤติการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นจริงของคณะอนุกรรมาธิการงบฯ ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการการงบฯ มี 7-8 คณะ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลไม่ได้ระบุว่าเป็นคณะไหน แต่ตนเชื่อว่า อาจจะทุกคณะเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น ป.ป.ช.มีอำนาจเรียกทุกคณะมาสอบสวน
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ถ้าไม่มีเรื่องจริง ไม่มีเหตุจะมีข้อมูลเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร คนที่พูดก็มีความผิดการเผยแพร่ข่าวอันเป็นเท็จต่อกรรมาธิการ แต่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แม้พยายามจะล็อบบี้กัน เรื่องนี้เป็นผลประโยชน์ต่อสังคม ไม่ควรหยุดหรือเก็บเงียบไว้ ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่าจะปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน แม้เรื่องนี้เป็นเรื่องในสภาฯ แต่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร จึงควรตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ ไม่ใช่ปล่อยให้คณะกรรมการในสภาตรวจสอบกันเอง ซึ่งจะเป็นการลูบหน้าปะจมูก หากนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 11 อนุมาตรา 6 ตั้งคณะกรรมการพิเศษตรวจสอบเรื่องนี้ทั้งทางตรงและทางลับ จะทำให้เกิดความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และถ้านำตัวคนทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายได้ภาพลักษณ์ของประเทศจะกลับคืนมา
