มือกฏหมายรัฐบาลเผย ใช้เวลาพิจารณาร่างงบฯ หลังศาล รธน.วินิจฉัยไม่นาน คาดทูลเกล้าฯ ได้ภายในเดือนนี้ ไม่ชี้นำอภิปรายมากน้อยแต่ทุกคนต้องเข้าใจ ระบุศาลไม่ยุ่งเรื่องเสียบบัตรแทนกัน ป.ป.ช.เจ้าของเรื่อง รับรู้สึกโล่งอก
วันนี้ (7ก.พ.) เมื่อเวลา 17.30น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ไม่เป็นโมฆะว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯไม่ได้ตกไปหรือโมฆะทั้งฉบับ ส่วนเรื่องความสุจริตหรือไม่สุจริตอะไรนั้นเป็นเรื่องที่ต้องไปตรวจสอบดำเนินคดีต่อไป ไม่เกี่ยวอะไรกับศาลรัฐธรรมนูญ สำหรับวาระที่ 2 ที่ศาลวินิจฉัยให้เสียไปนั้น จะเริ่มต้นพิจารณาในขั้นตอนที่คณะกรรมาธิการวิสามัญร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯพิจารณาเสร็จแล้วและเสนอสภาฯพิจารณาเห็นชอบตั้งแต่มาตรา 1 เรื่อยไป ใครสงวนมาตราอะไรกันไว้ก็ว่ากันไปแต่ทุกคนเข้าใจแล้วว่าทุกอย่างต้องรีบร้อนรวดเร็วให้เสร็จใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. ที่ศาลมีคำวินิจฉัย ซึ่งตนได้เรียนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมทราบแล้ว และทราบว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯกำหนดให้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าววันที่ 13 ก.พ. เป็นต้นไปเมื่อพิจารณากันเสร็จและลงมติวาระ 3 เสร็จแล้ว ก็จะเข้าสู่การพิจารณาของ ส.ว.ซึ่งจะใช้เวลาไม่นาน จากนั้น ส.ว.จะส่งกลับมายังรัฐบาลซึ่งมีเวลา 5 วันก่อนนำขึ้นกราบบังคมทูล คาดว่าทูลเกล้าฯได้ภายในเดือน ก.พ. เมื่อถามว่า สภาฯมีสิทธิอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ในวาระ 2 หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีสิทธิจะอภิปรายมากหรือน้อยแต่ทุกคนต้องเข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวต้องดำเนินการตามกำหนดเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งตนไม่อาจชี้นำได้
เมื่อถามถึงการดำเนินการกับผู้เสียบบัตรแทนกัน นายวิษณุ ตอบว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้แตะต้อง เพราะไม่ใช่เรื่องของศาล ต้องไปตรวจสอบกันเอง และไม่ว่าภายหลังผลการตรวจสอบการเสียบบัตรจะเป็นอย่างไร ผิดหรือไม่จะไม่ย้อนมาทำให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณนั้นเสียไป อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวสภาฯมีสิทธิเอาเรื่องกับผู้เสียบบัตรแทนกันได้ ใครก็สามารถร้องเรียนเหมือนกับที่มีการยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตรวจสอบ มันเป็นเรื่องพฤติกรรมของส.ส. ไม่ใช่คดีอาญาธรรมดา เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ป.ป.ช. จะเป็นเจ้าของเรื่องที่ต้องตรวจสอบก่อนเป็นด่านแรก เมื่อถามว่าส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกับเจ้าของบัตร มีโทษเหมือนกันหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เรายังไม่ทราบเลยว่ามีการเสียบบัตรแทนกันหรือไม่ แต่ละคนมีพฤติกรรมไม่เหมือนกัน บางคนอ้างว่าบัตรคาอยู่เพราะตัวเขาไม่อยู่ บางคนก็อ้างว่าให้คนอื่นเสียบบัตรแทนโดยยินยอมและยืนควบคุมอยู่ สิ่งเหล่านี้หากเป็นความผิดจะไม่เหมือนกัน โทษก็จะไม่เหมือนกัน เว้นแต่เป็นการสมคบกันแบบนั้นจะถือเป็นตัวการทั้งคู่ เมื่อถามว่าศาลวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ถือว่าแฮปปี้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า “รู้สึกโล่งอก”