นายนคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Nakorn Machim ระบุว่านักเรียน นักศึกษา และประชาชน ที่กล้าหาญลุกขึ้นสู้กับเผด็จการทรราช คือ วีรชนภายใต้กฎ กติกา ของโจรกบฏในนาม รัฐธรรมนูญเผด็จการ คสช.ปี 60 ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ระบอบเผด็จการ สร้างเป็นโซ่ตรวนพันธนาการ ล็อกดาวน์ คนไทยและประเทศไทยไว้ให้อยู่เป็นทาส ไพร่ ชั่วลูกชั่วหลาน วางกลไก โครงข่ายไว้ทุกส่วนของระบบราชการ เพื่อสืบทอดอำนาจของระบอบเผด็จการ และไม่สามารถแก้ไขได้
ภายใต้รัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปในเสื้อคลุมประชาธิปไตยที่ยึดอำนาจประชาชน และสืบทอดอำนาจด้วยเล่ห์เหลี่ยม กลโกงสารพัดวิธี โดยอาศัยอำนาจรัฐ อำนาจปืน อำนาจเงิน กดขี่ ข่มเหง ริดรอน สิทธิ เสรีภาพ และทำลายประชาธิปไตย
ภายใต้ทุนผูกขาด ทุนศักดินาเหนือรัฐ ที่เอารัดเอาเปรียบผูกขาดตัดตอน ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ลำบาก ยากจน คนในชาติมีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในโลก
ภายใต้องคาพยพของเผด็จการทรราช นายทุน ขุนศึก ศักดินา อำมาตย์ ข้าราชการระดับสูง องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม และพรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการ
เหล่านักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนส่วนใหญ่ ที่ตื่นรู้ ที่ไม่สยบยอม ที่ไม่ก้มหัวให้เผด็จการทรราช ที่ไม่ยอมอยู่อย่างทาส ไพร่ ต่างลุกขึ้นมาสู้ตามโรงเรียน ตามมหาวิทยาลัย และสถานที่ในเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องรัฐบาลให้
1.ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
2.แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย
3.ให้หยุดคุกคามเข่นฆ่าประชาชน
พร้อมกับเพิ่มเติมจุดยืน
1.ไม่เอารัฐประหาร
2.ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ
ทุกเวทีที่มีการชุมนุม พวกเขาต่างชุมนุมด้วยความสงบ ปราศจากอาวุธ และปราศรัย แสดงความคิด ความอ่านทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมาอย่างแหลมคม ถูกต้องตามหลักการประชาธิปไตยที่เป็นสากล ซึ่งฝ่ายเผด็จการทรราช และบรรดาลิ่วล้อบริวารของเผด็จการ ไม่อาจโต้แย้งได้
พวกเขารู้ว่า ในรัฐสภาที่ใช้กฎโจรกบฏ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อโจรกบฏ และโดยโจรกบฏ สมาชิกรัฐสภาฝ่ายประชาธิปไตยคือ 7 พรรคฝ่ายค้านไม่อาจต่อกรกับฝ่ายรัฐบาลเผด็จการได้ เพราะรัฐบาลมี สมาชิกวุฒิสภาแต่งตั้ง 250 คนเป็นเสาค้ำยันอยู่ พวกเขามีองค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรมและ ข้าราชการระดับสูงเป็นมือเป็นไม้คอยรับใช้ พวกเขามีนักการเมืองและพรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการคอยสนับสนุนอยู่ ที่สำคัญ พวกเขามีปืน มีอาวุธนานาชนิดที่พร้อมจะใช้ประหัตประหารประชาชน ฝ่ายค้านในสภามีไว้เพียงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้เผด็จการทรราชเท่านั้น
เหล่านักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย รู้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ คสช.ปี 60 และการแก้ไข ยุทธศาตร์ชาติ20 ปี หากอาศัยเวทีรัฐสภาอย่างเดียวจะถูกหลอกด้วยเล่ห์เหลี่ยม กลโกงของรัฐบาล และพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล จนหมดวลา ก็ไม่อาจแก้ไขได้
พวกเขารู้ว่าฝ่ายเผด็จการทรราช พยายามสกัดกั้น ทำลายขบวน นักเรียน นิสิต นักศึกษาและ ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยทุกวิถีทางเช่นการจับกุมตัว ทนายอานนท์ นำภา น้องไมค์ ภานุพงษ์ จากนอก และอีกหลายสิบคนเพื่อสร้างความกลัว อีกทั้งลิ่วล้อบริวารของเผด็จการพยายามสร้างสถานะการณ์และเงื่อนไขเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารอีกครั้ง
พวกเขารู้ทัน จึงดักทางไว้ล่วงหน้าว่า ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ
ข้อเสนอ หลักการ และ เหตุผลของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนจึงถูกต้อง ชอบธรรม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศในทุกๆด้านอันถือเป็นการปฏิวัติประเทศ จากสังคมที่ล้าหลัง มืดบอด ไปสู่สังคมที่เจริญ ก้าวหน้า เป็นประชาธิปไตยเช่นนานาอารยประเทศ
นักการเมืองและ พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย รวมถึงพี่ น้อง ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทั้งชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ผู้ใช้แรงงาน พนักงานรัฐวิสาหกิจ ไม่ควรนิ่งเฉยต่อกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ หรือติดกับดักจากวาทะกรรมฝ่ายเผด็จการทรราชว่า นักเรียน นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ที่ชุมนุมมีนักการเมือง พรรคการเมืองและมีผู้อยู่เบื้องหลัง
แต่นักการเมืองพรรคการเมือง และมวลชนฝ่ายประชาธิปไตย ทุกหมู่เหล่า ควรหลอมรวมพลังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับนักเรียน นิสิต นักศึกษาและปัญญาชนอย่างมีเอกภาพ ช่วยกัน ล้างมรดกบาปของเผด็จการทรราชให้หมดสิ้น นำชาติ บ้านเมืองของเราให้ข้ามพ้นจากยุคมืด จากยุคที่คนชั่วครองเมือง อย่างที่เป็นอยู่ เสริม และเติมเต็มอย่างเต็มที่อย่าปล่อยให้ นักเรียน นิสิต นักศึกษา และปัญญาชนฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว ฝ่ายประชาธิปไตยจึงจะมีโอกาสชนะ ในสงคราม 2 ระบอบคือระบอบประชาธิปไตย กับ ระบอบเผด็จการ ได้ แล้วนำพาบ้านเมืองไปสู่ความเจริญ รุ่งเรืองในวิถีประชาธิปไตย เพื่อลูกหลานของเราทุกคน