นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่าตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงยืนยันว่าพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนายวรวุธ อยู่วิทยา หรือ บอส ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้ว และดำเนินการเพิกถอนหมายจับต่อไปนั้น กรณีที่เกิดขึ้นมีข้อพิรุธและข้อสงสัยที่สังคมไทยต้องการคำตอบจากอัยการและตำรวจถึง 9 ประเด็น ดังนี้
1)ตามระเบียบสํานักงานอัยการสูงสุดการสั่งคดีอาญาที่จะมีผลกระทบต่อผลประโยชน์อันสําคัญของประเทศกำหนดให้เป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุดเท่านั้น เหตุใดรองอัยการสูงสุดจึงสั่งแทนได้
2)การระบุมีพยานใหม่ 2 รายที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่เพิ่งมาโผล่เป็นพลเมืองดีเมื่อเวลาผ่านไป 7 ปีมาแล้ว ซึ่งพยานในลักษณะนี้ในทางคดีไม่มีความน่าเชื่อถือที่จะรับฟังได้ มีพิรุธ แต่ทำไมอัยการจึงให้น้ำหนักกับพยาน 2 รายดังกล่าว
3)การที่ผู้ตรวจสอบความเร็วให้การในครั้งแรกว่า บอสขับรถด้วยความเร็ว 177 กม./ชม.เมื่อมีการร้องขอความเป็นธรรม ความเร็วของรถลดลงเหลือเพียง 76 กม./ชม. ซึ่งอัยการก็เชื่อตามนั้นได้อย่างไร เมื่อประจักษ์พยานที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สำคัญคือ จุดที่รถจักรยานยนต์ผู้ตายไปตกอยู่ห่างจากจุดที่ชนถึง 163.6 เมตร หากความเร็วรถยนต์ 76 กม./ชม.จะลากยาวขนาดนั้นได้อย่างไร
4)ข้อมูลการพบสารแปลกปลอมในร่างกายของนายบอส ตามที่สน.ทองหล่อประสานมาให้ รพ.รามาธิบดีตรวจสอบพบ 1.สาร Alprazolam (อัลพาโซแลม) 2.สาร Benzoylecgonine(เบนซอยเลกโกไนน์) 3.สาร Cocaethylene(โคเคเอธทีลิน) และ 4.สาร Caffeine(คาเฟอีน) ทำไมจึงไม่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ที่ส่งไปยังอัยการเลย เช่นนี้จะสามารถใช้เป็นข้อมูลใหม่ในการรื้อฟื้นคดีได้หรือไม่
5)การร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ สนช.ซึ่งมิได้มีหน้าที่ใดๆในทางคดีตาม ป.วิ.อาญาเลยนั้น อัยการให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือได้อย่างไร ทั้งๆที่มีข้อพิรุธมากมาย
6)การปล่อยให้บอสหลบหนีไปต่างประเทศหลังจากประกันตัวออกไป โดยไม่มีการติดตามและระมัดระวังอย่างเพียงพอ และไม่สามารถนำตัวมามอบให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลได้ จนนำไปสู่การขอเลื่อนคดีถึง 7 ครั้ง การกระทำเช่นนี้ในทางคดีเรียกว่าเป็นการประวิงคดี อัยการไม่รู้เชียวหรือ
7)การตั้งข้อหาให้นายดาบตำรวจที่เสียชีวิตว่าเป็นจำเลยร่วมในคดี ทั้งๆ ที่เป็นผู้เสียหายในคดีซึ่งขัดต่อข้อเท็จจริงที่สังคมรับรู้ร่วมกัน เป็นเทคนิคทางคดีที่เด็กอมมือก็รู้ แต่อัยการไม่รู้เชียวหรือ
8)กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่ามีมูลความผิดตำรวจ 7 นาย ฐานเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในข้อกล่าวหาหลายๆข้อ ซึ่งล้วนมีน้ำหนักในทางคดีมาก เหตุใดอัยการจึงไม่ให้น้ำหนักต่อรายงานของ ป.ป.ช.ดังกล่าว
9)คดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจกันของสาธารณชน เป็นคดีใหญ่ ในการสั่งคดีนั้นต้องคำนึงถึงระเบียบสํานักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของอัยการ 2547 โดยเคร่งครัดให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชน ตามข้อ 5 ณ เวลานี้ท่านอัยการได้ปฏิบัติครบถ้วนแล้วหรือ
วันนี้คณะทำงานตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดีของอัยการ 7 คนจะประชุมกัน และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของฝ่ายตำรวจก็จะต้องหาข้อสรุปกันภายใน 15 วันนั้น ก็หวังว่าท่านทั้งหลายจะไม่ทำให้คดีนี้กลายเป็นปัญหาที่นำไปสู่การทำลายเสาหลักแห่งความยุติธรรมไปเสียสิ้น ถ้าเสาหลักล้ม หน่วยงานของพวกท่านก็จะมีปัญหาตามไปด้วย