น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การดำเนินงานด้านการพัฒนาที่อยู่ของรัฐบาลมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) และวิสัยทัศน์ "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" ของพล.อ.ประยุทธ์ จัทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มุ่งเน้นสร้างความมั่นคงในชีวิตแก่ผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุ ทั้งนี้ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานหลักและตั้งเป้าหมายดูแลผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย การดูแลแบ่งเป็นภายใต้ความรับผิดชอบของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และการเคหะแห่งชาติ (กคช.)
นอกจากนี้ ยังมีกรมธนารักษ์ที่เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องของการสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งในปีนี้จะเปิดให้ข้าราชการพลเรือนสามารถจองซื้อสิทธิการเช่าคอนโดมิเนียมข้าราชการที่จะก่อสร้างบนที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ นำร่องในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี และขอนแก่น เป็นการสร้างคอนโดมิเนียม 7 ชั้น ห้องละไม่เกิน 40 ตารางเมตร ผ่อนเดือนละประมาณ 3,900 บาท ระยะเวลา 30 ปี ข้าราชการมีเงินเดือน 16,000 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ เมื่อครบสัญญายังต่ออายุสัญญาได้อีก 30 ปีและสามารถโอนสิทธิ์ได้เมื่ออยู่ครบ 5 ปี แต่จะต้องโอนสิทธิ์ให้เฉพาะข้าราชการด้วยกันเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ทางกรมฯ ยังเร่งโครงการก่อสร้างซีเนียร์คอมเพล็กซ์ที่จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อตอบโจทย์สังคมผู้สูงวัย โดยวางเป้าหมายเปิดให้ผู้สูงวัยอายุ 58 ปีขึ้นไป และเริ่มจองได้ภายในสิ้นปีนี้ เฟสแรกจำนวน 900 ยูนิต พื้นที่ยูนิตละประมาณ 35 ตารางเมตร ซึ่งจะจะใช้เวลาก่อสร้างราว 2 ปี เข้าอยู่ได้เมื่อผู้จองมีอายุ 60 ปีขึ้นไป
น.ส.รัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลมีความตั้งใจขับเคลื่อนการทำงานให้เป็นไปตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ซึ่งการทำงานจะต้องเป็นไปอย่างบูรณาการ ครอบคลุมทั้งเรื่องตัวที่พักราคาที่ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึง สภาพแวดล้อมและการรองรับสังคมผู้สูงอายุ สำหรับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับไปดำเนินการ 2 ล้านครัวเรือน และ พอช.ดำเนินการประมาณ 1 ล้านครัวเรือน