น.ส.จิตติมา ศรีถาพร รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.สิทธิบัตร (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... โดยได้นำร่างแก้ไขเดิมเรื่องสิทธิบัตรการประดิษฐ์ กับร่างกฎหมายใหม่เรื่องสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มารวมไว้เป็นฉบับเดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติใน พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562 ที่กำหนดให้หน่วยงานที่ยกร่างกฎหมายจะต้องดำเนินการให้เกิดประโยชน์ ไม่เป็นภาระต่อประชาชน และต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน และมีผลสัมฤทธิ์ชัดเจน ทำให้ต้องมาแก้ไขให้เหลือเพียงฉบับเดียว จากเดิมที่จะเสนอร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าวออกเป็น 2 ฉบับ โดยคาดว่าจะยกร่างเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เปิดประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นภายในเดือนสิงหาคม และตั้งเป้าจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในปีนี้
ทั้งนี้ ในการแก้ไขกฎหมาย ได้เพิ่มสาระสำคัญในเรื่องการป้องกันปัญหาโจรสลัดชีวภาพ หรือการยักยอกใช้ทรัพยากรพันธุกรรม หรือการนำองค์ความรู้ของชุมชนท้องถิ่นหรือของประเทศไปแสวงหาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยไม่ดำเนินการขออนุญาตหรือตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ แต่กฎหมายใหม่ได้กำหนดให้การยื่นจดสิทธิบัตรที่มีการใช้ทรัพยากรพันธุกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นในการประดิษฐ์ เช่น นำเปล้าน้อยและกวาวเครือมาทำยา ต้องระบุแหล่งที่มา และต้องยื่นเอกสารการขออนุญาตและข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ถ้าไม่ยื่นก็ไม่สามารถขอจดสิทธิบัตรได้ หรือถ้าปิดบังข้อเท็จจริง ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน จะแก้ไขในเรื่องการบังคับใช้สิทธิตามสิทธิบัตรให้เกิดความชัดเจน และมีความครบถ้วนตามความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า ให้ไทยสามารถบังคับใช้สิทธิตามสิทธิบัตรเพื่อส่งออกเภสัชภัณฑ์ไปยังประเทศที่มีความขาดแคลน แต่ไม่มีศักยภาพในการผลิตได้ และกำหนดให้ไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนซ้ำซ้อนในกรณีที่นำเข้าเภสัชภัณฑ์ที่มีการจ่ายค่าตอบแทนแล้วในประเทศผู้ส่งออก
นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงขั้นตอนการตรวจสอบคำขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์และอนุสิทธิบัตรให้เร็วขึ้น โดยกำหนดให้มีการประกาศโฆษณาภายใน 18 เดือน นับจากวันยื่นคำขอครั้งแรก จากเดิมไม่กำหนด และกำหนดให้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ภายใน 3 ปี นับแต่วันยื่นคำขอรับสิทธิบัตร จากเดิมนับจากประกาศโฆษณาภายใน 5 ปี ซึ่งจะทำให้การจดสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรทำได้เร็วขึ้น