นายฌอน บูรณะหิรัญ ไลฟ์โค้ชชื่อดัง โพสต์คลิปผ่านเฟซบุ๊ก Sean Buranahiran - ฌอน บูรณะหิรัญ ชี้แจงกรณีเงินบริจาคช่วยเหลือไฟป่า โดยระบุว่า
"สวัสดีครับ ผมฌอน บูรณะหิรัญ ผมขอโทษที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจในสังคมไทยในช่วงที่ผ่านมา ผมไม่ได้หลบหนีหายไปไหน แต่เวลาที่ผ่านมาผมใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาชี้แจงในวันนี้
ผมขอชี้แจงเรื่องการบริจาค ผมพักอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่เป็นเวลา 2 ปี และได้รับผลกระทบอย่างมากเรื่องหมอกควันและไฟป่า ผมมีความทุกข์และมีเจตนาที่จะช่วยปัญหานี้มาโดยตลอด ทันทีที่ผมเห็นเพื่อนประกาศทางเฟซบุ๊ก ผมได้เห็นภาพความเสียหายรุนแรงจากไฟป่า ผมจึงรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในการกระจายข่าวทันที โดยการเปิดรับบริจาค 42 นาทีแรก ได้โพสต์เป็นบัญชีกองทุนลมหายใจจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่คนบริจาคเยอะที่สุด ในคืนนั้นพี่โตโน่ ภาคิน ได้ติดต่อมาว่าขอร่วมบริจาคโดยการโอนเข้าบัญชีฌอน เนื่องจากไว้วางใจและความคล่องตัวในการจัดการเงิน
จากนั้น ผมได้เข้าใจผิดว่าผมต้องเปลี่ยนบัญชีในโพสต์มาเป็นบัญชีตัวเอง ผมดำเนินการรวดเร็ว ไม่มีการเตรียมตัวใดๆ วันที่ 30 มีนาคม 3 ทุ่ม 37 ได้เปลี่ยนเป็นเลขบัญชีชื่อตัวเอง ซึ่งบัญชีนี้เปิดไว้นานแล้วเพื่อการสนับสนุนรายการสัมภาษณ์ของผม บัญชีนี้เป็นบัญชีที่เปิดตั้งแต่ปี 62 ไม่รวมกับเงินส่วนตัว เปิดไว้สำหรับลูกเพจที่อยากสนับสนุนรายการสัมภาษณ์ที่ไม่มีสปอนเซอร์ ให้เราได้ใช้กับอุปกรณ์การถ่ายทำ ค่าเครื่องบินและที่พักของแขกรับเชิญ โดยผู้ชมรับชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ดังนั้นมีเงินค้างไว้อยู่ในบัญชีนี้ 90,186.69 บาท รายการนี้ได้สัมภาษณ์บุคคลที่เป็นแบบอย่างหลายท่านอย่างต่อเนื่อง และในช่วงกลางเมษายน เมื่อมีเงินบริจาคมาหลายแสน ผมมีเจตนาที่จะนำเงินที่ได้รับบริจาคไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับไฟป่าให้มากที่สุด และส่งไปยังองค์กรที่น่าเชื่อถือ ผมจึงได้ปรึกษากับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ทันทีที่ได้ปรึกษาก็ได้ตระหนักว่า การรับบริจาคควรมีการวางแผนที่รอบคอบ ถี่ถ้วน ควรมีหลักฐานต่างๆ เก็บไว้ และสามารถชี้แจงได้ จึงได้นำเลขบัญชีออกจากโพสต์ทันที ในวันที่ 30 เมษายน
จากนั้น ให้ทีมงานไปสอบถามถึงแนวทางการช่วยเหลือให้เกิดประโยชน์จริงๆ ในเรื่องไฟป่า ได้รับข้อมูลว่า ณ ขณะนั้นมีการปิดรับบริจาคเงินและมีสิ่งของที่คนนำมาบริจาคค่อนข้างล้น จนเป็นภาระในการจัดเก็บของทีมอาสา สิ่งที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในตอนนั้น คือ เครื่องเป่าแรงดันสูง และหน้ากาก ซึ่งทางเราไม่สามารถจัดหาได้ในเวลานั้น เราจึงกลับมาคิดกันอีกครั้งว่าอะไรที่เราสามารถทำได้ในทันที และเป็นสิ่งที่เราถนัด
ด้วยความที่เราเป็นนักผลิตสื่อทางออนไลน์ และมองเห็นว่าทุกครั้งที่เราผลิตสื่อ เราจะได้เรียนรู้พร้อมกันไปด้วย เราจึงคิดกันเองว่าจะนำงบส่วนหนึ่งเตรียมไว้เพื่อสร้างความตระหนักรู้ ป้องกัน แก้ไขปัญหาไฟป่าในอนาคต ส่วนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความไม่รอบคอบในการจัดการของผมครับ
เราได้เข้าไปทำความรู้จักชาวเผ่าปกาเกอะญอ ร่วมกิจกรรมที่เราสามารถทำได้ ณ เวลานั้น เรียนรู้ บันทึกภาพ ตัดต่อ เพื่อมีจุดประสงค์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในวันนี้มีคลิปที่ตัดต่อไว้และเผยแพร่ไปแล้ว 3 คลิป และยังไม่ได้เผยแพร่อีก 2 คลิป โดยเงินที่ได้มาจากการรับบริจาค ไม่ได้นำมาใช้เป็นค่าจ้างทีมงาน แต่เตรียมไว้สำหรับการจ่ายค่าโฆษณาให้กับทางเฟซบุ๊กเท่านั้น
ระหว่างที่ได้ใช้เวลาศึกษาปัญหาหมอกควัน ไฟป่า ที่เชียงใหม่ ก็ได้เกิดวิกฤตโควิดที่รุนแรงและเร่งด่วน ผมได้คิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แบ่งเงินที่ได้รับบริจาคมาด้วยส่วนหนึ่งจากที่ได้รับการร้องขอจากโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเข้ามา นี่คือความไม่รอบคอบอีกจุดที่ผมผิดพลาด ไม่ได้สื่อสารให้แก่ผู้บริจาคได้ทราบ ด้วยเจตนาที่จะช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ณ เวลานั้น
ในวันที่ 27 มิถุนายน เกิดคำถามขึ้นจากเพจหนึ่งในออนไลน์ เรื่องเกี่ยวกับการรับบริจาค ผมมีเจตนาแสดงความบริสุทธิ์ใจ จึงได้รีบร้อนออกมาชี้แจงในโพสต์ในเฟซบุ๊ก
ผมขออภัยในความไม่รอบคอบในการจัดการเงินบริจาคทั้งหมด ความหละหลวมในการนำเสนอข้อมูลในชุดแรก สื่อสารไปตั้งแต่ยังไม่รวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วน วันนั้นผมรีบร้อน อยากสื่อสารให้เร็วที่สุด เพราะห่วงความรู้สึกของเพื่อนๆ ที่ไว้ใจผมและบริจาคเข้ามา จึงสื่อสารข้อมูลออกไปไม่ครบถ้วน ณ เวลานั้น ผมไม่ได้อยู่บ้าน และไม่ทันเช็กให้รอบคอบ จึงรีบให้ทีมงานสรุปยอดเท่าที่มีใบเสร็จที่รวบรวมไว้และยืนยันได้ ณ เวลานั้น โดยแจ้งในเพจไปว่า มียอดบริจาค 875,741.53 บาท แต่จริงๆ ยอดนั้นเป็นยอดที่รวบรวมจากใบเสร็จ ซึ่งผมได้ใช้คำผิด
ภายหลังเมื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ก็พบว่ามียอดที่ใช้ไปตามใบเสร็จทั้งสิ้น 991,541.36 บาท และในบัญชีนี้มีเงินเข้ามาในช่วงรับบริจาคทั้งสิ้น 1,338,644.01 บาท ในทันทีที่ทราบว่ามีข้อมูลตกหล่น ผมจึงคิดว่าควรมีหน่วยงานที่น่าเชื่อถือมาตรวจสอบ ในวันที่ 29 มิถุนายน ผมรีบยื่นจดหมายหลักฐานทั้งหมดที่ผมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจ ทั้งบัญชีบริษัท statement ส่วนตัว และ statement เปิดรับบริจาค ที่แสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่กรุณาได้มาตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ให้เห็นหลักฐานว่าผมไม่ได้นำเงินไปใช้เรื่องส่วนตัวเลย
ทั้งนี้ มีผู้บริจาค 2 ราย ที่ขอเงินคืน และได้ดำเนินการคืนเงินแล้ว รายละ 100 บาท กับ 200 บาท รวมเป็น 300 บาท
จากการที่ผมไม่รอบคอบ คิดไม่ถี่ถ้วนในการจัดการเงิน ผมขอน้อมรับคำแนะนำจากผู้ใหญ่และสื่อต่างๆ ที่ปรารถนาดี ผมขอแสดงความรับผิดชอบ โดยจะรวบรวมเงินบริจาคทั้งหมด ทุกบาท ทุกสตางค์ ส่งมอบไปตามวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือไฟป่าต่อไป
สรุปยอดบริจาคตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม ถึง 30 เมษายน การโอนเข้าจำนวน 5,974 ครั้ง statement 167 แผ่น เป็นจำนวนเงิน 1,338,644.01 บาท รวมกับเงินส่วนที่เข้ามาในบัญชีบริษัทและบัญชีส่วนตัว จำนวน 41 ครั้ง เป็นยอดรวม 3,501.95 บาท ซึ่งเราสันนิษฐานว่าอาจเป็นเงินที่ผู้โอนมีเจตนาบริจาค และส่วนสุดท้าย เงินที่เข้ามาหลังจากปิดการบริจาคในวันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 28 มิถุนายน มีผู้โอนเข้ามาอีก 50 ครั้ง เป็นยอดรวม 4,189.92 บาท และเงินที่เข้ามาหลังจากปิดบริจาคหลังจากวันที่ 29 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคม มีผู้โอนเข้ามาอีก 49 ครั้ง เป็นยอดรวม 551.85 บาท รวมจำนวนทั้งหมดหลังจากนำเลขบัญชีออกจากโพสต์รับบริจาค 4,741.77 บาท รวมยอดเงินทั้งหมดที่จะส่งต่อเพื่อประโยชน์ไฟป่า 1,346,887.73 บาท
เมื่อผมมอบเงินทั้งหมดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับไฟป่าให้ครบแล้ว เดี๋ยวผมจะมาอัปเดตในเพจอีกที
อย่างไรก็ตาม ไม่มีวันไหนที่ผมจะไม่คิดและไม่รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมขอโทษที่ทำให้ครอบครัว เพื่อนๆ และแฟนๆ ต้องเป็นห่วงผมและรู้สึกกังวลในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมขอโทษในการสื่อสารทุกๆ อย่างที่ไม่ถูกต้องและเหมาะสม และก่อให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดี และขอขอบคุณทุกๆ คำติชม คำวิจารณ์ในทุกมุมจากสังคม จากสื่อ รวมถึงกำลังใจของทุกคน ในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิตของผม ผมได้รับกำลังใจและผมจะจดจำเป็นบทเรียนในสิ่งที่ผมพลาดไป ผมจะไม่ทำผิดซ้ำเดิมอีกครั้ง ผมจะไม่หมดกำลังใจ ผมจะไม่ทิ้งความตั้งใจ ซึ่งผมทำคนเดียวคงจะไม่สำเร็จ พลังของเพื่อนๆ เป็นพลังสำคัญของผม ทุกเสียงด่า เสียงติ เสียงชม มีความหมายต่อผมให้ผมได้เรียนรู้ชีวิต ว่าผมจะต้องใช้ชีวิตด้วยความระวังและมีสติต่อไป ขอบคุณครับ ผม ฌอน บูรณะหิรัญ"
"สวัสดีครับ ผมฌอน บูรณะหิรัญ ผมขอโทษที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจในสังคมไทยในช่วงที่ผ่านมา ผมไม่ได้หลบหนีหายไปไหน แต่เวลาที่ผ่านมาผมใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาชี้แจงในวันนี้
ผมขอชี้แจงเรื่องการบริจาค ผมพักอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่เป็นเวลา 2 ปี และได้รับผลกระทบอย่างมากเรื่องหมอกควันและไฟป่า ผมมีความทุกข์และมีเจตนาที่จะช่วยปัญหานี้มาโดยตลอด ทันทีที่ผมเห็นเพื่อนประกาศทางเฟซบุ๊ก ผมได้เห็นภาพความเสียหายรุนแรงจากไฟป่า ผมจึงรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในการกระจายข่าวทันที โดยการเปิดรับบริจาค 42 นาทีแรก ได้โพสต์เป็นบัญชีกองทุนลมหายใจจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่คนบริจาคเยอะที่สุด ในคืนนั้นพี่โตโน่ ภาคิน ได้ติดต่อมาว่าขอร่วมบริจาคโดยการโอนเข้าบัญชีฌอน เนื่องจากไว้วางใจและความคล่องตัวในการจัดการเงิน
จากนั้น ผมได้เข้าใจผิดว่าผมต้องเปลี่ยนบัญชีในโพสต์มาเป็นบัญชีตัวเอง ผมดำเนินการรวดเร็ว ไม่มีการเตรียมตัวใดๆ วันที่ 30 มีนาคม 3 ทุ่ม 37 ได้เปลี่ยนเป็นเลขบัญชีชื่อตัวเอง ซึ่งบัญชีนี้เปิดไว้นานแล้วเพื่อการสนับสนุนรายการสัมภาษณ์ของผม บัญชีนี้เป็นบัญชีที่เปิดตั้งแต่ปี 62 ไม่รวมกับเงินส่วนตัว เปิดไว้สำหรับลูกเพจที่อยากสนับสนุนรายการสัมภาษณ์ที่ไม่มีสปอนเซอร์ ให้เราได้ใช้กับอุปกรณ์การถ่ายทำ ค่าเครื่องบินและที่พักของแขกรับเชิญ โดยผู้ชมรับชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ดังนั้นมีเงินค้างไว้อยู่ในบัญชีนี้ 90,186.69 บาท รายการนี้ได้สัมภาษณ์บุคคลที่เป็นแบบอย่างหลายท่านอย่างต่อเนื่อง และในช่วงกลางเมษายน เมื่อมีเงินบริจาคมาหลายแสน ผมมีเจตนาที่จะนำเงินที่ได้รับบริจาคไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับไฟป่าให้มากที่สุด และส่งไปยังองค์กรที่น่าเชื่อถือ ผมจึงได้ปรึกษากับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ทันทีที่ได้ปรึกษาก็ได้ตระหนักว่า การรับบริจาคควรมีการวางแผนที่รอบคอบ ถี่ถ้วน ควรมีหลักฐานต่างๆ เก็บไว้ และสามารถชี้แจงได้ จึงได้นำเลขบัญชีออกจากโพสต์ทันที ในวันที่ 30 เมษายน
จากนั้น ให้ทีมงานไปสอบถามถึงแนวทางการช่วยเหลือให้เกิดประโยชน์จริงๆ ในเรื่องไฟป่า ได้รับข้อมูลว่า ณ ขณะนั้นมีการปิดรับบริจาคเงินและมีสิ่งของที่คนนำมาบริจาคค่อนข้างล้น จนเป็นภาระในการจัดเก็บของทีมอาสา สิ่งที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในตอนนั้น คือ เครื่องเป่าแรงดันสูง และหน้ากาก ซึ่งทางเราไม่สามารถจัดหาได้ในเวลานั้น เราจึงกลับมาคิดกันอีกครั้งว่าอะไรที่เราสามารถทำได้ในทันที และเป็นสิ่งที่เราถนัด
ด้วยความที่เราเป็นนักผลิตสื่อทางออนไลน์ และมองเห็นว่าทุกครั้งที่เราผลิตสื่อ เราจะได้เรียนรู้พร้อมกันไปด้วย เราจึงคิดกันเองว่าจะนำงบส่วนหนึ่งเตรียมไว้เพื่อสร้างความตระหนักรู้ ป้องกัน แก้ไขปัญหาไฟป่าในอนาคต ส่วนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความไม่รอบคอบในการจัดการของผมครับ
เราได้เข้าไปทำความรู้จักชาวเผ่าปกาเกอะญอ ร่วมกิจกรรมที่เราสามารถทำได้ ณ เวลานั้น เรียนรู้ บันทึกภาพ ตัดต่อ เพื่อมีจุดประสงค์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในวันนี้มีคลิปที่ตัดต่อไว้และเผยแพร่ไปแล้ว 3 คลิป และยังไม่ได้เผยแพร่อีก 2 คลิป โดยเงินที่ได้มาจากการรับบริจาค ไม่ได้นำมาใช้เป็นค่าจ้างทีมงาน แต่เตรียมไว้สำหรับการจ่ายค่าโฆษณาให้กับทางเฟซบุ๊กเท่านั้น
ระหว่างที่ได้ใช้เวลาศึกษาปัญหาหมอกควัน ไฟป่า ที่เชียงใหม่ ก็ได้เกิดวิกฤตโควิดที่รุนแรงและเร่งด่วน ผมได้คิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แบ่งเงินที่ได้รับบริจาคมาด้วยส่วนหนึ่งจากที่ได้รับการร้องขอจากโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเข้ามา นี่คือความไม่รอบคอบอีกจุดที่ผมผิดพลาด ไม่ได้สื่อสารให้แก่ผู้บริจาคได้ทราบ ด้วยเจตนาที่จะช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ณ เวลานั้น
ในวันที่ 27 มิถุนายน เกิดคำถามขึ้นจากเพจหนึ่งในออนไลน์ เรื่องเกี่ยวกับการรับบริจาค ผมมีเจตนาแสดงความบริสุทธิ์ใจ จึงได้รีบร้อนออกมาชี้แจงในโพสต์ในเฟซบุ๊ก
ผมขออภัยในความไม่รอบคอบในการจัดการเงินบริจาคทั้งหมด ความหละหลวมในการนำเสนอข้อมูลในชุดแรก สื่อสารไปตั้งแต่ยังไม่รวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วน วันนั้นผมรีบร้อน อยากสื่อสารให้เร็วที่สุด เพราะห่วงความรู้สึกของเพื่อนๆ ที่ไว้ใจผมและบริจาคเข้ามา จึงสื่อสารข้อมูลออกไปไม่ครบถ้วน ณ เวลานั้น ผมไม่ได้อยู่บ้าน และไม่ทันเช็กให้รอบคอบ จึงรีบให้ทีมงานสรุปยอดเท่าที่มีใบเสร็จที่รวบรวมไว้และยืนยันได้ ณ เวลานั้น โดยแจ้งในเพจไปว่า มียอดบริจาค 875,741.53 บาท แต่จริงๆ ยอดนั้นเป็นยอดที่รวบรวมจากใบเสร็จ ซึ่งผมได้ใช้คำผิด
ภายหลังเมื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ก็พบว่ามียอดที่ใช้ไปตามใบเสร็จทั้งสิ้น 991,541.36 บาท และในบัญชีนี้มีเงินเข้ามาในช่วงรับบริจาคทั้งสิ้น 1,338,644.01 บาท ในทันทีที่ทราบว่ามีข้อมูลตกหล่น ผมจึงคิดว่าควรมีหน่วยงานที่น่าเชื่อถือมาตรวจสอบ ในวันที่ 29 มิถุนายน ผมรีบยื่นจดหมายหลักฐานทั้งหมดที่ผมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจ ทั้งบัญชีบริษัท statement ส่วนตัว และ statement เปิดรับบริจาค ที่แสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่กรุณาได้มาตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ให้เห็นหลักฐานว่าผมไม่ได้นำเงินไปใช้เรื่องส่วนตัวเลย
ทั้งนี้ มีผู้บริจาค 2 ราย ที่ขอเงินคืน และได้ดำเนินการคืนเงินแล้ว รายละ 100 บาท กับ 200 บาท รวมเป็น 300 บาท
จากการที่ผมไม่รอบคอบ คิดไม่ถี่ถ้วนในการจัดการเงิน ผมขอน้อมรับคำแนะนำจากผู้ใหญ่และสื่อต่างๆ ที่ปรารถนาดี ผมขอแสดงความรับผิดชอบ โดยจะรวบรวมเงินบริจาคทั้งหมด ทุกบาท ทุกสตางค์ ส่งมอบไปตามวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือไฟป่าต่อไป
สรุปยอดบริจาคตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม ถึง 30 เมษายน การโอนเข้าจำนวน 5,974 ครั้ง statement 167 แผ่น เป็นจำนวนเงิน 1,338,644.01 บาท รวมกับเงินส่วนที่เข้ามาในบัญชีบริษัทและบัญชีส่วนตัว จำนวน 41 ครั้ง เป็นยอดรวม 3,501.95 บาท ซึ่งเราสันนิษฐานว่าอาจเป็นเงินที่ผู้โอนมีเจตนาบริจาค และส่วนสุดท้าย เงินที่เข้ามาหลังจากปิดการบริจาคในวันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 28 มิถุนายน มีผู้โอนเข้ามาอีก 50 ครั้ง เป็นยอดรวม 4,189.92 บาท และเงินที่เข้ามาหลังจากปิดบริจาคหลังจากวันที่ 29 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคม มีผู้โอนเข้ามาอีก 49 ครั้ง เป็นยอดรวม 551.85 บาท รวมจำนวนทั้งหมดหลังจากนำเลขบัญชีออกจากโพสต์รับบริจาค 4,741.77 บาท รวมยอดเงินทั้งหมดที่จะส่งต่อเพื่อประโยชน์ไฟป่า 1,346,887.73 บาท
เมื่อผมมอบเงินทั้งหมดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับไฟป่าให้ครบแล้ว เดี๋ยวผมจะมาอัปเดตในเพจอีกที
อย่างไรก็ตาม ไม่มีวันไหนที่ผมจะไม่คิดและไม่รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมขอโทษที่ทำให้ครอบครัว เพื่อนๆ และแฟนๆ ต้องเป็นห่วงผมและรู้สึกกังวลในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมขอโทษในการสื่อสารทุกๆ อย่างที่ไม่ถูกต้องและเหมาะสม และก่อให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดี และขอขอบคุณทุกๆ คำติชม คำวิจารณ์ในทุกมุมจากสังคม จากสื่อ รวมถึงกำลังใจของทุกคน ในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิตของผม ผมได้รับกำลังใจและผมจะจดจำเป็นบทเรียนในสิ่งที่ผมพลาดไป ผมจะไม่ทำผิดซ้ำเดิมอีกครั้ง ผมจะไม่หมดกำลังใจ ผมจะไม่ทิ้งความตั้งใจ ซึ่งผมทำคนเดียวคงจะไม่สำเร็จ พลังของเพื่อนๆ เป็นพลังสำคัญของผม ทุกเสียงด่า เสียงติ เสียงชม มีความหมายต่อผมให้ผมได้เรียนรู้ชีวิต ว่าผมจะต้องใช้ชีวิตด้วยความระวังและมีสติต่อไป ขอบคุณครับ ผม ฌอน บูรณะหิรัญ"