นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงพื้นที่เมืองดัลลัส ในรัฐเทกซัส หารือกับนายเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัส ถึงสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากตั้งแต่ช่วงต้นเดือน กลุ่มรัฐทางใต้และตะวันตกของประเทศมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพิ่มจากเฉลี่ยวันละประมาณ 2,000 คน เป็นมากกว่า 5,000 คนต่อวัน เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ให้รอจนกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จะลดลงก่อนที่จะเปิดธุรกิจอีกครั้ง
นายเพนซ์ ยอมรับว่า สถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงไปมาก จนทำให้นายแอบบอตต์ ต้องกลับมาบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์กับสถานประกอบการบางประเภท พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนหนุ่มสาว ให้หมั่นล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่ออยู่นอกเคหสถาน หรืออยู่ในพื้นที่ที่รักษาระยะห่างลำบาก เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
ด้านนายรอน เดอซานทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา แถลงว่า มีผู้เสียชีวิต 29 ราย และผู้ติดเชื้อยืนยันมากกว่า 8,500 คน ทางการสั่งปิดร้านอาหารหลายแห่งในเขตโบรวาร์ด ฐานปล่อยให้ลูกค้าที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยเข้าร้าน การจัดที่นั่งโดยไม่เว้นระยะห่าง และการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ดื่มในร้าน
ขณะเดียวกัน ชายหาดหลายแห่งในรัฐฟลอริดาจะปิดพื้นที่ระหว่างวันที่ 3-7 กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงหยุดยาววันชาติสหรัฐฯ เนื่องจากเกรงว่าจะมีคนมารวมตัวกันมากเกินไป
ขณะที่นายกาวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย สั่งให้ปิดบาร์ในนครลอสแองเจลิส และอีก 6 เมือง ตามรัฐเทกซัสและฟลอริดาที่สั่งปิดบาร์ทุกแห่งเมื่อวันศุกร์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรัฐแคลิฟอร์เนียและทั่วประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า บาร์เป็นธุรกิจที่ไม่สำคัญที่มีความเสี่ยงสูงที่เปิดให้บริการอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทำให้ขาดสติ ไม่ระมัดระวังในการสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างระหว่างกัน นอกจากนั้น ในบาร์มีเสียงดัง ลูกค้าต้องตะโกน ทำให้เกิดการแพร่เชื้อ