นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมฯ ได้ยื่นร้องเรียนต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตั้งแต่ 19 ก.ย.62 และยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เมื่อ 6 ธ.ค.2562 ให้สอบเอาผิดอธิการบดี ม.การกีฬาแห่งชาติ ต่อกรณีมีคำสั่งให้คณะผู้บริหารและพนักงานเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยจำนวน 23 คน เดินทางไปติดตามประเมินผลนักเรียนทุนที่มีความสามารถด้านกีฬาไม่กี่คน ณ ประเทศออสเตรเลีย 6 วัน ในระหว่างวันที่ 12-17 ก.ค.2562 ซึ่งพบว่าคณะที่เดินทางไปดังกล่าวมีโปรแกรมการดูงานจริงเพียงช่วงบ่ายวันที่ 16 ก.ค.เท่านั้น และไม่มีโปรแกรมการไปติดตาม และประเมินผลการเรียนของนักเรียนทุนเลย นอกจากเป็นโปรแกรมการทัวร์เที่ยวเล่น กิน ซ๊อปปิ้ง ถ่ายรูปเซลฟี้มาอวดกัน และผู้ที่ไปร่วมดูงานก็ไม่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจแต่อย่างใด เช่น หัวหน้าสำนักงานรองอธิการบดี นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักวิชาการคอมพิวเตอร์ นักวิเทศสัมพันธ์
อีกทั้ง ก่อนหน้านั้นยังได้มีการอนุมัติให้คณะผู้บริหารอีก 24 คนได้เดินทางไปดูงานด้านการศึกษาและกีฬากับประเทศในกลุ่มทวีปยุโรป อาทิ รัสเชีย นอร์เวย์ และเดนมาร์กในช่วงวันที่ 22-30 เม.ย.2562 โดยใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชนไปเป็นจำนวนมาก โดยมีข้อพิรุธอย่างมากคือ มีการนำสามีของผู้บริหารสถาบัน(อดีตรัฐมนตรีชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์)เดินทางไปร่วมดูงานด้วย ทั้งๆ ที่มิได้เป็นกรรมการ หรือมีมีตำแหน่งหรือส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด
กรณีที่เกิดขึ้น ถือได้ว่าอาจเป็นการขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 ม.6 ประกอบ ม.37 วรรคสอง ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่าการใช้จ่ายเงินของหน่วยงานของรัฐในการปฏิบัติหน้าที่หรือการดําเนินงานต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ ผลสัมฤทธิ์ และประสิทธิภาพของหน่วยงานของรัฐ และ พรป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน 2561 ม.95 วรรคสาม และม.98 รวมทั้งขัดต่อนโยบายของรัฐบาลที่เคยมีมติคณะรัฐมนตรีห้ามไว้เมื่อวันอังคารที่ 3 มีนาคม 2558 โดยชัดแจ้ง นอกจากนั้นยังอาจเข้าข่ายกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมหรือไม่ จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตาม ม. 234(2) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบ พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561
ทั้งนี้ เวลาเนิ่นผ่านไปกว่า 10 เดือนแล้ว แต่ทาง ป.ป.ช. และ สตง. ยังไม่มีคำตอบหรือชี้แจงความคืบหน้าในการสอบสวนมายังสมาคมฯ แต่อย่างใด กลัวเรื่องดังกล่าวจะเงียบหายไป ซึ่งขณะนี้กำลังมีการสรรหาอธิการบดีคนใหม่แล้ว จึงเกรงว่าอธิการบดีคนใหม่จะใช้อำนาจซ้ำรอยเดิม สมาคมฯ จึงต้องทำเรื่องทวงถามทั้งสองหน่วยงานอิสระในวันนี้