พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก Supisarn Bhakdinarinath - สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ระบุว่า อย่าหนีการตรวจสอบตั้ง "กมธ.วิสามัญตรวจใช้งบประมาณและมาตรการสู้โควิด" ป้องกันทุจริตคอร์รัปชั่น-ปกป้องผลประโยชน์ประชาชน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา "พ.ร.ก.กู้เงิน" 3 ฉบับ และอีกฉบับคือ พ.ร.ก.ประชุมออนไลน์ ที่รัฐบาลเป็นผู้เสนอ เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ส.ส.หลายพรรค โดยเฉพาะพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ชี้ให้เห็นปัญหาต่างๆ ของ พ.ร.ก.ฉบับบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงิน และมาตรการการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มต่างๆ พร้อมกันนี้ก็ได้มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลนำไปพิจารณาดำเนินการปรับใช้ด้วย
วงเงินกู้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์นี้ ถ้าใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถช่วย "กู้วิฤตประเทศ" ทั้งจากวิกฤตโควิด-19 และวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ ที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ แต่ก็ตรงกันข้าม ถ้าใช้อย่างเป็นเบี้ยหัวแตกเพื่อให้เกิดโครงการใช้เงินเท่านั้น หรือช่วยเหลือแต่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อประโยชน์แต่พวกพ้องตนเอง ดังข้อข้อครหาที่ผ่านมาว่า "อุ้มเจ้าสัว" อย่างนั้น ประเทศไทยก็คงต้องจมปลักอยู่ในวิกฤตนี้ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่จะต้องปาดน้ำตา แบกรับหนี้สินคือประชาชนคนไทยทุกคน
จึงไม่เพียงแต่การอภิปรายครั้งนี้เท่านั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ "ผู้แทนประชาชน" จะต้องใช้กลไกในระบบรัฐสภาตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารไม่ว่าจะเป็นการใช้งบประมาณ รวมถึงการออกมาตรการต่างๆ ที่เพื่อแก้ปัญหาโควิด -19 และก็ไม่ใช่เพียงแต่เงินกู้ที่มีการพิจารณาครั้งนี้เท่านั้น หากยังหมายรวมถึงงบประมาณก้อนอื่น ๆ เช่น งบกลางที่จะโอนมาให้รัฐบาลใช้ตาม พ.ร.บ. โอนงบประมาณประจำงบประมาณ 2563 กว่า 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรเตรียมพิจารณาในช่วงสัปดาห์หน้าด้วย !
นี่เป็นเหตุผลที่พวกเรา ส.ส.พรรคก้าวไกลได้ยื่นญัตติด่วน เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญตรวจสอบการใช้งบประมาณและมาตรการแก้ไขปัญหาภายใต้วิกฤตการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า มีหลายพรรคทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลให้การสนับสนุน และยื่นญัตติด่วนทำนองเดียวกันนี้ประกอบ แต่กระนั้น ท่าทีของพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำฝ่ายรัฐบาลก็ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะหัวหน้ารัฐบาลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คล้ายๆ กับว่าไม่อยากจะให้มี กมธ.วิสามัญชุดนี้เกิดขึ้น
เพราะถ้ายึดตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ กมธ. ชุดนี้ ไม่ใช่ว่าดูแต่เรื่องเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมาตรการแก้ไขปัญหาโควิดของรัฐบาลด้วย อาทิ การประกาศเคอร์ฟิว การจ่ายเงินเยียวยาประชาชน การจัดการการเดินทางกลับประเทศของคนไทย มาตรการคลายล็อก หรือการเปิด-ปิดโรงเรียน ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนคนไทยเห็นแล้วว่า มีปัญหาอย่างไร ประสิทธิภาพในการจัดการเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างไร
สรุปชัดๆ ตรงนี้ว่า การตั้ง กมธ.วิสามัญ ตรวจสอบการใช้งบ และมาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤตโควิด-19 จะเป็นบทพิสูจน์ ความโปร่งใสของรัฐบาลชุดนี้ที่สำคัญยิ่ง ซึ่งคงต้องขอความร่วมไม้ร่วมมือ ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านร่วมกันลงมติให้เกิดขึ้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากญัตติด่วนนี้ถูกตีตกไป ไม่มีการตั้งขึ้น ก็คงต้องขอเดาเอาไว้ก่อนเลยว่า จะมีการทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นแน่ๆ
มาร่วมกันสนับสนุนให้ตั้งกมธ.วิสามัญ ตรวจสอบการใช้งบและมาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤตโควิด-19 มาช่วยกันจับตารัฐบาล และปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนด้วยกัน