พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ตามที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น สามารถป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงเห็นสมควรที่จะผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการการป้องกันโรคระบาดในเรือนจำ โดยให้เรือนจำ ทัณฑสถานทั่วประทศ กลับมาเปิดให้บริการเยี่ยมญาติ รับฝากเงิน และสั่งซื้อสินค้าจากร้านสงเคราะห์ให้ผู้ต้องขังได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563
กรมราชทัณฑ์ได้วางมาตรการการเยี่ยมญาติใหม่ที่เรียกว่าเป็นวิถีชีวิตใหม่ (new normal) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไว้ดังนี้
1. ผู้เข้าเยี่ยมจะต้องลงทะเบียนล่วงหน้ากับทางเรือนจำที่ผู้ต้องขังถูกควบคุมตัวอยู่ก่อนเข้าเยี่ยม เพื่อลดความหนาแน่นในการรอเยี่ยม
2. เรือนจำจะมีการจัดช่องเยี่ยมญาติและพื้นที่นั่งรอให้มีระยะห่าง 1.5 - 2 เมตร
3. ญาติที่มาเยี่ยมต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หากไม่มีจะไม่อนุญาตให้เยี่ยมโดยเด็ดขาด
4. ญาติที่มีอุณหภูมิ สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จะไม่อนุญาตให้เยี่ยมโดยเด็ดขาด
5. เจ้าหน้าที่ทุกคนจะสวม face shield ไว้ตลอดเวลาและให้เรือนจำจัดที่รับฝากสิ่งของและแอลกอฮอล์เจลไว้ให้บริการอย่างเหมาะสม และทุกครั้งที่เสร็จสิ้นการเยี่ยมจะต้องมีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดสถานที่เยี่ยมและจุดรับฝากสิ่งของก่อนที่จะมีการให้เยี่ยมในรอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม เรือนจำ ทัณฑสถานทั่วประเทศจะต้องจัดทำแผนและขั้นตอนการปฏิบัติเสนอต่อคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดที่เรือนจำทัณฑสถานตั้งอยู่ เพื่อพิจารณาเห็นชอบก่อนดำเนินการ เพื่อให้การป้องกันโรคระบาดเป็นไปอย่างเหมาะสมถูกต้องตามหลักการ และขอเน้นย้ำว่าหากญาติรายใด รู้สึกมีอาการใกล้เคียงกับการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขอให้รับผิดชอบตนเองโดยไม่มาเยี่ยมผู้ต้องขัง
ทั้งนี้ จากสถิติที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์สามารถระงับยับยั้งและป้องกันมิให้ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้ดีในระดับหนึ่ง กล่าวคือ มีผู้ต้องขัง เพียง 2 ราย จาก 380,000 ราย และเจ้าหน้าที่เพียง 3 ราย จาก 15,000 ราย รวมเป็น 5 ราย เท่านั้นที่ติดเชื้อโควิด-19 และปัจจุบันได้รับการรักษาจนหายขาดแล้วทุกราย
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ตรวจเรือนจำอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อดูความพร้อมระบบการเยี่ยมญาติผู้ต้องขัง ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มิถุนายนนี้
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรือนจำอำเภอบัวใหญ่นั้นถือเป็นโมเดลการเตรียมความพร้อม ถือว่าทำได้ดี ทั้งเรื่องเรือนนอนที่ไม่แออัด ห้องกักโรคมีมาตรฐาน และระบบการเยี่ยมญาติที่มีความพร้อม โดยทางเรือนจำอำเภอบัวใหญ่จะเปิดรับจองคิวการเยี่ยมญาติทางโทรศัพท์ และแอปพลิเคชันไลน์ ก่อนจะทำการลงคิวแล้วโทรแจ้งทางญาติ ว่าจะได้คิวเยี่ยมไหนเวลาใด
เมื่อถึงเรือนจำจะมีการวัดอุณหภูมิด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน ต้องวัดได้ไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส /ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ /ลงทะเบียน /รับถุงมือพลาสติก /สวมใส่หน้ากากอนามัย /นั่งรอคิว มีระยะห่าง 1.50 เมตร
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังจะมีการกั้นช่องเว้นระยะห่าง ญาติเข้าเยี่ยมได้ครั้งละ 2 คน ต่อผู้ต้องขัง 1 ราย ระยะเวลาเยี่ยม 15 นาที เมื่อเยี่ยมเสร็จ จะปิดทำความสะอาด โทรศัพท์ที่ใช้สนทนา เก้าอี้ เคาน์เตอร์ 15 นาที จึงจะให้คิวต่อไปเข้าเยี่ยม เรือนจำอำเภอบัวใหญ่จะเปิดให้เยี่ยมในเวลา 09.00-15.00 น. เยี่ยมได้วันละ 12 รอบ รวมผู้ต้องขังได้รับการเยี่ยมญาติ จำนวน 96 คน ต่อวัน ส่วนกฎระเบียบของเรือนจำอื่นๆ ในทั่วประเทศอาจจะยืดหยุ่นแตกต่างกันออกไป
“การเยี่ยมญาติจะให้สิทธิ์นักโทษ 1 ครั้งต่อเดือนไปก่อนในระยะนี้ หากพบว่าญาติผู้ต้องขังที่เข้าเยี่ยมมีเชื้อโควิด-19 เรือนจำนั้นต้องปิดการเยี่ยมในทันที ต้องขอให้ทุกคนทำตามกฎระเบียบที่เรือนจำวางไว้อย่างเคร่งครัด หากรู้สึกว่าไม่สบายก็ขอให้เลื่อนไปก่อน หรือไม่เข้ามาในพื้นที่ เพราะจะกระทบต่อผู้อื่น” รมว.ยุติธรรม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการตรวจเยี่ยม นายสมศักดิ์ ยังได้พูดคุยกับผู้ต้องขังคดียาเสพติดว่าจากนี้จะให้มีการสอนวิชาชีพต่างๆ ในรายการเรื่องเล่าชาวเรือนจำ เมื่อพ้นโทษออกไปก็ขอให้ได้ทำงานที่ดีอย่ากลับไปขายยาเสพติดอีก เพราะกระบวนการจับกุม จากนี้จะเข้มข้นขึ้นกว่าที่ผ่านมา