นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ตามที่กรมศิลปากรประกาศปิดการให้บริการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ โบราณสถานที่เก็บค่าเข้าชม หอสมุดแห่งชาติและหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 25 เมษายน 2563 ขณะนี้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม – 30 เมษายน 2563
ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการของหน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากรที่มีภารกิจให้บริการแหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน กรมศิลปากรจึงประกาศขยายเวลาการปิดให้บริการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ โบราณสถานที่เก็บค่าเข้าชม หอสมุดแห่งชาติ และหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เป็นการชั่วคราว ออกไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า การปิดแหล่งเรียนรู้ดังกล่าวส่งผลให้เอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการเพื่อหาประโยชน์ในพิพิธภัณฑ สถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ และโบราณสถานที่เรียกเก็บค่าเข้าชม ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากรไม่สามารถประกอบกิจการได้ ตามปกติ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและลดภาระของเอกชนที่ได้รับผลกระทบ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 อธิบดีกรมศิลปากรจึงประกาศยกเว้นการเรียกเก็บค่าตอบแทน หรือค่าธรรมเนียมจากเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการเพื่อหาประโยชน์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ โบราณสถานที่เรียกเก็บค่าเข้าชม และหอสมุดแห่งชาติ ในงวดเดือนเมษายน 2563
ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นประการใด จะได้มีการประกาศในลำดับต่อไป
ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการของหน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากรที่มีภารกิจให้บริการแหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน กรมศิลปากรจึงประกาศขยายเวลาการปิดให้บริการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ โบราณสถานที่เก็บค่าเข้าชม หอสมุดแห่งชาติ และหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เป็นการชั่วคราว ออกไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า การปิดแหล่งเรียนรู้ดังกล่าวส่งผลให้เอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการเพื่อหาประโยชน์ในพิพิธภัณฑ สถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ และโบราณสถานที่เรียกเก็บค่าเข้าชม ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากรไม่สามารถประกอบกิจการได้ ตามปกติ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและลดภาระของเอกชนที่ได้รับผลกระทบ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 อธิบดีกรมศิลปากรจึงประกาศยกเว้นการเรียกเก็บค่าตอบแทน หรือค่าธรรมเนียมจากเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการเพื่อหาประโยชน์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ โบราณสถานที่เรียกเก็บค่าเข้าชม และหอสมุดแห่งชาติ ในงวดเดือนเมษายน 2563
ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นประการใด จะได้มีการประกาศในลำดับต่อไป