พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า มีการติดตามและหารือการเตรียมความพร้อม หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยกระดับเข้าสู่ระยะที่ 3 ว่าจะต้องวางแผนรองรับสถานการณ์ด้านใดบ้าง เช่น ฝ่ายความมั่นคง จำเป็นจะต้องใช้กฎหมายใดเพิ่มเติมในการควบคุมสถานการณ์
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ต้องเตรียมการรับคนไทยกลับ อย่างไรก็ตาม การจะพิจารณากฎหมายใดเพิ่มเติม ต้องดูผลกระทบให้รอบด้าน ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกกิจ และสุขภาพที่สำคัญที่สุด โดยการยกระดับมาตรการนั้น นายกรัฐมนตรีจะรับฟังความคิดเห็นจากทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญที่ได้ร่วมมือกันทำงาน
ขณะเดียวกัน ได้มอบแนวทางให้จัดเตรียมหาโรงพยาบาลเพื่อการรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ โดยเปิดเป็นศูนย์เฉพาะกิจ หากสถานการณ์เข้าสู่ระยะที่ 3 โดยอาจจะใช้โรงพยาบาลที่ก่อสร้างใหม่และยังไม่มีการเปิดใช้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์ทุกด้านตามที่ร้องขอ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีขอร้องประชาชนอย่าตื่นตระหนก เร่งกักตุนอาหาร เพราะขณะนี้มีมาตรการออกมาตามลำดับ ทั้งเรื่องของการติดตามตัวโดยใช้แอปพลิเคชัน และขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเปิดให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ฟรี ภายใน 72 ชั่วโมง หากพบว่ามีอาการ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบจำนวนหน้ากากอนามัยทั้งหมด ทั้งที่นำเข้าและส่งออกว่ามีจำนวนเพียงพอหรือไม่ ขณะเดียวกัน สั่งการให้เพิ่มสายการผลิตในโรงงานต่างๆ แต่ขอเวลาสักระยะในการบริหารจัดการ และประสานเรื่องวัตถุดิบที่นำมาผลิตหน้ากากอนามัยที่สั่งจากประเทศจีนอย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการพัฒนาหน้ากากอนามัยทางเลือก ซึ่งประชาชนต้องเข้าใจว่าจะต้องจัดสรรหน้ากากอนามัยให้กับบุคลากรที่มีความเสี่ยงก่อน