นายกฯ แถลงยันไม่ปิดเมือง-ปิดประเทศ แต่มีมาตรการเข้ม เน้นเข้าออก ห้าม ขรก.รัฐวิสาหกิจไปนอก เว้นจำเป็น แนะคนไทยต่างแดนชะลอกลับ รอสถานการณ์ดีขึ้น เร่งจัดหน้ากากให้พอ ขู่ตั้งทีมไล่ล่าทุกจุดจัดการพวกกักตุน ผุดทีมดูแลคนไทยในต่างแดน
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมด้วยรัฐมนตรี โดยทุกคนสวมหน้ากากอนามัย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หลังที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ซึ่งวันนี้ได้นำหลายๆ เรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ร่วมกัน ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง วันนี้ได้มีหลายมติออกมา โดยมติเหล่านี้ได้รับการเสนอจากคณะกรรมการโรคระบาด กระทรวงสาธารณสุขขึ้นมา และนำเข้าสู่การพิจารณาของศูนย์ฯ แล้วนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.เพื่อขอความเห็นชอบ
นายกฯ กล่าวว่า ปัจจุบันถึงแม้ว่าขณะนี้ยังไม่เข้าสู่การระบาดในระยะที่ 3 แต่ว่ามีแนวโน้มการแพร่กระจายที่เพิ่มมากขึ้นและเพื่อลดการแพร่ระบาดจาก กทม.ไปสู่จังหวัดอื่นๆ จึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมและหามาตรการรองรับ โดยทุกภาคส่วนต้องทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อบูรณาการความร่วมมือเพื่อหาแนวทางการรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องขอขอบคุณทุกส่วนราชการที่ผ่านมาที่ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในทุกระดับทั้งต่างประเทศ ในประเทศ การเดินทางไปมาหาสู่การดูแลในพื้นที่ชุมชนต่างๆ ที่มีการจัดตั้งคณะทำงานและเจ้าพนักงานไปแล้ว และได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น การประชุม ครม.ในวันเดียวกันนี้ได้นำเรื่องและผลการประชุมของศูนย์ฯมาพิจารณาและออกเป็นมาตรการ 6 ด้าน ด้านสาธารณสุข ด้านเวชภัณฑ์ป้องกัน ด้านข้อมูลการชี้แจง และรับเรื่องร้องเรียนด้านการต่างประเทศ ด้านมาตรการป้องกัน และด้านมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยา ซึ่ง ครม.ได้มีมติเห็นชอบดังต่อไปนี้
1. ด้านสาธารณสุข ยืนยันยังไม่มีการปิดเมืองหรือปิดประเทศ (การห้ามเข้า-ออก) โดย 1.1 ป้องกันและสกัดกั้นการนำเชื้อเข้าสู่ประเทศไทยประกอบด้วย 1. ชาวต่างชาติที่เดินทางจากประเทศซึ่งเป็นพื้นที่เขตติดโรคติดต่ออันตรายซึ่งมี 4 ประเทศ บวก 2 เขตปกครองพิเศษ ขาเข้าต้องมีใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 3 วัน ต้องมีประกันสุขภาพ ยินยอมใช้ Application ติดตามของรัฐ มาตรการนี้ใช้กับการเข้าเมืองทุกทาง ทั้งทางบก-น้ำ-อากาศ ตม. ดูหนังสือเดินทางของชาวต่างประเทศด้วยว่าประเทศก่อนที่จะเข้ามาประเทศไทยประเทศสุดท้ายคืออะไรบ้าง อยู่ในพื้นที่ที่ประกาศไปแล้ว ก็จำเป็นต้องมีมาตรการให้เหมือนกับ 4 ประเทศ บวก 2 เขตปกครองพิเศษ เพื่อป้องกันการอ้อมเข้าประเทศ โดยไปพักกลางทางมาก่อนแล้วถึงเข้ามา ตม.จะต้องเข้าไปดูพาสปอร์ต ถ้าไปประเทศที่มีความเสี่ยงหรือที่ประกาศไปแล้วก็ต้องมีมาตรการคัดกรอง แล้วแจ้ง มท.จากนั้นเข้าสู่มาตรการกักกัน ถูกคุมไว้สังเกตอาการ 14 วันตามมาตรฐานที่มีอยู่
2. ชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง และยังไม่ประกาศเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย
ขาเข้าต้องมีใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 3 วัน ต้องมีประกันสุขภาพ มีที่พำนักที่สามารถติดต่อได้ในประเทศไทย ยินยอมใช้ Application ติดตามของรัฐ เรื่องนี้ต้องทำทุกช่องทางทั้งทางบกน้ำอากาศเป็นมาตรการที่ใช้กับการเข้าเมืองทุกทางมาตรการกักกันของรัฐ ถูกคุมไว้สังเกตอาการ 14 วัน
3. ห้ามข้าราชการ พนักงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ เดินทางไปต่างประเทศ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น และเตือนประชาชนให้งดการเดินทางไปในประเทศซึ่งเป็นพื้นที่เขตติดโรคติดต่ออันตราย และพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง แต่หลายอย่างอาจจะมีความจำเป็นอย่างเช่นการเดินทางไปประชุมก็ต้องมีการพิจารณาอย่างรัดกุม
1.2 พัฒนาระบบและกลไกการกักกันผู้ที่เป็นหรือผู้ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย ณ ที่พำนัก ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยมักฎหมายตัวนี้อยู่แล้ว 1.3 ให้มีการกำหนดให้ชาวต่างประเทศ รวมทั้งคนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศให้มีการใช้แอปพลิเคชัน ติดตามตัว ซึ่งเรากำลังดำเนินการติดตามตัวทั้งหมดอยู่ในขณะนี้ 1.4 จัดหาและเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์ เครื่องมือที่จำเป็น ในปริมาณที่เพียงพอสำหรับรับมือระยะที่ 3 ได้แก่ สถานพยาบาล เตียง หมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือ และชุดป้องกันโรคและวันนี้ได้มีการสั่งซื้อเพิ่มเติมจากต่างประเทศและมีการช่วยเหลือจากต่างประเทศเข้ามาจำนวนหนึ่งแล้วจะแจ้งให้ทราบต่อไป 1.5 แนะนำให้คนไทยที่พำนักอาศัยในต่างประเทศชะลอการเดินทางกลับประเทศไทยจนกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคในประเทศจะดีขึ้น ก็ขอแนะนำถ้าจะกลับมาก็ต้องเจอมาตรการของเราที่เข้มงวด
นายกฯ กล่าวว่า ขณะที่ด้านเวชภัณฑ์ป้องกัน เร่งผลิตในประเทศและจากต่างประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยเร่งผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากากอนามัยผ้า เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการป้องกัน เจลและแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้น ซึ่งวันนี้ทางกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลังกระทรวงอุตสากรรม ก็ได้ปลดล็อกเพื่อนำเข้าแอลกอฮอล์เหล่านี้มาผลิตเป็นเจลหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้นหลายละหลายล้านลิตร รวมทั้งภาคเอกชนด้วย วันนี้ได้มีการผลิตเจลเพื่อแจกจ่ายประชาชนบริเวณสถานบริการน้ำมันบางจากและ ปตท.และขอให้ติดตามต่อไป
ทั้งนี้ ส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปใช้หน้ากากผ้าเมื่อเดินทางเข้าสถานที่ชุมนุม/ชุมชน และเร่งผลิตหน้ากากผ้าให้เพียงพอ ตัวอย่างที่ตนใส่ นำหน้ากากอนามัยของกลางที่ยึดได้ที่มีการขายออนไลน์ที่ผิดกฎหมายผิดระเบียบหรือกติกาของกระทรวงพาณิชย์ ส่งมาศูนย์ฯ เพื่อกระจายต่อไป ซึ่งเท่าที่จับมาได้ก็มีจำนวนหนึ่งแม้จะมีจำนวนไม่มาก สำรวจความต้องการของเวชภัณฑ์ที่จำเป็น อาทิ ชุดป้องกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ (พีพีอี) หน้ากาก N95 และอุปกรณ์ชุดตรวจสอบที่มีความต้องการจำนวนมากขึ้น และประสานกับต่างประเทศในการจัดหาเพิ่มเติมให้เพียงพอ ทั้งการช่วยเหลือและการจัดซื้อขณะนี้ได้เตรียมงบประมาณจัดซื้อไว้เพิ่มเติมแล้วเพื่อรองรับระยะที่ 3 ตรวจสอบการขายทางออนไลน์ การกักตุน และการระบายสินค้า
“วันนี้เรียนว่าในเรื่องของหน้ากากอนามัยได้เข้าไปบริหารจัดการ เข้าไปดูที่ต้นตอมีทั้งเรื่องการกระจาย การทำให้ถูกต้อง เราต้องเคลียร์ให้ชัดเจนในส่วนการส่งออกต่างประเทศก็กำลังเคลียร์ว่าส่งออกไปได้อย่างไร ด้วยกติกาตัวไหนเพราะมันมีทั้งเรื่องการผลิตแล้วขายในประเทศ และการผลิตเพื่อขายต่างประเทศได้ด้วยโดยมีลายเซ็นของต่างประเทศ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไข อะไรที่สามารถดึงมาใช้ได้ก็จะดึงออกมาใช้ แต่ก็ต้องมีการเจรจาพูดคุยในเรื่องค่าเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วย ถ้าเขาทำถูกต้องอยู่แล้ว รัฐพยามทำทุกอย่างเพื่อให้ถูกต้องและสำเร็จ วันนี้เรามีคณะกรรมการตรวจสอบก็จะตามไล่ดูในทุกพื้นที่ตั้งแต่โรงงานสถานที่ต่างๆการขนส่งศุลกากรกระทรวงพาณิชย์ กอ.รมน. ตำรวจ ซึ่งผมได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาแล้วภายใต้กรอบของกระทรวงพาณิชย์เพื่อให้ดำเนินการและเกิดความชัดเจน” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า 3 ด้านข้อมูลการสื่อสารข้อมูลต่างๆ ของรัฐบาลมาจากกระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นการแถลงเฉพาะด้านข้อมูลทางการแพทย์และการสาธารณสุข หลายอย่างที่เป็นมติเป็นความเห็นชอบในที่ประชุมจะเสนอมาเข้าสู่ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 เป็นการแถลงภาพรวมในทุกด้านที่เกี่ยวข้อง อะไรที่อยู่ในอำนาจนายกฯ ก็ต้องใช้อำนาจนายกฯ ในการสั่งการตรงนี้ 4. ด้านต่างประเทศ การจัดตั้งทีมงานเพื่อดูแลคนไทยในต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศใช้ประโยชน์จากทีมไทยแลนด์ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นทีมเฉพาะกิจ ดูแลคนไทยในต่างประเทศ โดยมีท่านทูตเป็นหัวหน้าทีม ในส่วนของในประเทศก็เช่นเดียวกัน ตนได้สั่งให้มีการจัดตั้งคณะทำงานย่อยที่มาจากภาคเอกชน ภาคประชาชนต่างๆ เพื่อจะทำงานให้ข้อมูลและประสานข้อมูลในส่วนของศูนย์โควิด-19 ของรัฐบาล เพื่อรับฟังความคิดเห็น ตอบข้อซักถามและหาวิธีการในการดำเนินการที่เหมาะสมในการช่วยเหลือดูแล