xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.สั่งตั้งวอร์รูมรองรับสถานการณ์"โควิด-19"พร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการรองรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ครั้งที่ 2/2563 มี พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.จิรายุ วิสูตรานุกูล นายแพทย์ (สบ.4) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลตำรวจ พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (รอง ผบก.ตม.2) และโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีข้อสั่งการในที่ประชุมว่า เรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในมิติสำคัญต่างๆ ต้องมีการตรวจสอบร่วมกับหน่วยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายใน เรื่องคนที่ฉวยโอกาสใช้สถานการณ์ซ้ำเติมผู้อื่น โดยการกักตุนสินค้า จำหน่ายสินค้าเกินราคา โดยให้รายงานผลการปฏิบัติทุกวัน พร้อมทั้งให้โรงพยาบาลตำรวจ ประสานงานกับหน่วยการแพทย์ เพื่อให้ข้อแนะนำเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวเรื่องการดูแลตนเอง

ขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้จัดตั้งวอร์รูม ที่ ศปก.ตร. เป็นศูนย์รองรับสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ให้ปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง มีการประชุมทุกวัน เวลา 10.00 น. และให้ตั้งคณะกรรมการย่อยในการดูแลแยกเป็นเรื่องต่างๆ ทุกส่วนราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น การบังคับใช้กฎหมาย การเตรียมการด้านการแพทย์ การเตรียมการอพยพ และกรณีการเยียวยาต่างๆ พร้อมประสานส่งข้อมูลให้กับศูนย์โควิด-19 ของรัฐบาลก่อนเวลา 20.00 น. ทุกวัน พร้อมมอบหมายให้ พล.ต.ต.ญาณพงศ์ โสมาภา ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เป็นผู้ประสานงาน ส่วนการให้ข้อมูลด้านข่าว ขอให้ผ่านจากทีมโฆษกของ ตร., สตม., ปอท. และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เป็นหลัก เพื่อยืนยันข้อมูลที่ถูกต้อง

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กองสวัสดิการของตำรวจตระเวนชายแดน และกองบัญชาการศึกษา ไปสำรวจความพร้อมกรณีต้องสนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยต่างๆ โดยให้ประสานงานใกล้ชิดกับสาธารณสุขจังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติที่ต้องร่วมมือกัน

สำหรับความพร้อมของโรงพยาบาลตำรวจ ได้จัดเตรียมไว้ 1 ชั้น สำหรับคัดแยกโรค และเตรียมอาคารเพิ่มไว้สำรอง หากมีคนเข้ามารักษาเยอะ และเตรียมพื้นที่คัดแยกผู้ต้องสงสัยติดเชื้อทางเดินหายใจเพิ่มเติมด้วย

ด้าน พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 และโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า หลังจากมีการประกาศราชกิจจานุเบกษายกเลิกวีซ่าประเทศจีน เกาหลีใต้ อิหร่าน อิตาลี และ 2 เขตปกครองพิเศษ มาเก๊า และฮ่องกง ทำให้ผู้ที่จะเดินทางจากประเทศเหล่านี้จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในการขออนุญาตเข้าประเทศไทย คือ มีใบรับรองแพทย์ และข้อมูลการกักตัว และต้องนำเอกสารดังกล่าวมายื่นให้สถานทูตและสายการบินพิจารณาก่อนจะอนุญาตให้เข้ามาในประเทศ เชื่อว่าหากใช้มาตรการนี้จะทำให้ความเสี่ยงของบุคคลที่มีเชื้อโควิด-19 เข้ามาในประเทศลดน้อยลง ส่วนคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยง จะผ่านการตรวจคัดกรองโรคอย่างละเอียด ก่อนนำส่งกลับภูมิลำเนา กักตัวที่บ้าน 14 วัน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนตำรวจจะสนับสนุนการปฏิบัติงานทุกกรณี ซึ่งหากฝ่าฝืนก็จะมีความผิดตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่ พ.ต.อ.จิรายุ วิสูตรานุกูล นายแพทย์ (สบ.4) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า ในส่วนของโรงพยาบาลตำรวจได้เตรียมพื้นที่สำหรับการรองรับตำรวจ-ครอบครัวตำรวจ และประชาชน ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยมีการจัดเตรียมห้องคัดแยกจำนวน 1 ชั้น ในโรงพยาบาลตำรวจ เป็นห้องแยกเดี่ยว มีห้องน้ำในตัว เพื่อป้องกันการปะปนและแพร่กระจายโรค เตรียมแผนสำรองหากมีผู้ป่วยเพิ่มก็จะขยายห้องเพิ่ม เมื่อมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีการจัดลำดับตามความสำคัญ เพื่อความดูแลที่เหมาะสม ทั้งนี้ ทางรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายสิ่งส่งตรวจในห้องแล็บ สำหรับผู้ป่วยที่ต้องสงสัยโควิด 19 ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นไปตามสิทธิการรักษาทั่วไปของผู้ป่วยแต่ละคน สำหรับคนไข้ที่สิทธิการรักษาที่อื่นสามารถใช้สิทธิฉุกเฉินได้ 72 ชั่วโมง ตามปกติอยู่แล้ว