พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ พร้อมด้วย น.พ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานสุขภาพที่ 6 และ น.ต.หญิง ปฐวี บุญตานนท์ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ ร่วมแถลงขั้นตอนและวิธีการส่งกลับกลุ่มแรงงานไทยจากเกาหลีใต้ที่พักเฝ้าระวังอาการ จำนวน 240 คน กลับสู่ภูมิลำเนา หลังมีคำสั่งจากรัฐบาลให้ดำเนินการปิดศูนย์เฝ้าระวังทั่วประเทศทั้ง 232 ศูนย์ ซึ่งอาคารรับรองที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
สำหรับการเตรียมการส่งกลับแรงงานไทยจะมีหลายขั้นตอน เนื่องจากผู้ที่อยู่ในศูนย์ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ การเดินทางใช้เวลานาน จึงต้องมีการวางแผนการส่งกลับที่เข้มงวด โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.)
พล.ร.ท.ประชาชาติ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้กองทัพเรือจัดพื้นที่เฝ้าระวังที่อาคารรับรอง กองเรือยุทธการ อ่าวดงตาล อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อใช้ในการกักตัวคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ตั้งแต่การรับคนไทยจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และปัจจุบันมีการรับกลุ่มแรงงานไทยจากประเทศเกาหลีใต้ มียอดรวม 240 ราย ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม รวมทั้งต่อมาได้มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศรวม 232 พื้นที่ แต่ล่าสุดได้มีคำสั่งจากรัฐบาลให้ทำการยุบศูนย์เฝ้าระวังทั่วประเทศ รวมทั้งที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี โดยจะยุติการเฝ้าระวังกลุ่มคนไทยจากเกาหลีทั้งหมด และเตรียมความพร้อมในการส่งกลับไปยังภูมิลำเนาให้เป็นไปตามมาตรฐานขององค์กรอนามัยโลก โดยมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการดูแลอย่างเข้มงวด
สำหรับอาคารรับรองของฐานทัพเรือสัตหีบ แม้จะมีการส่งคนกับภูมิลำเนาไปแล้ว แต่ทางกองทัพเรือยังคงจัดเตรียมความพร้อมไว้ ในกรณีที่รัฐบาลต้องการใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือเรื่องอื่นใด เช่น การกักตัวผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติม โดยมีเจ้าหน้าที่และบุคลากรเตรียมความพร้อมไว้อย่างเต็มที่
ด้าน น.พ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานสุขภาพที่ 6 กล่าวว่า คนไทยที่เดินทางกลับจากเกาหลีใต้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี และไม่มีรายใดเข้าข่ายเจ็บป่วยหรือเป็นโรค จึงถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อย ทางรัฐบาลจึงมีคำสั่งให้กลุ่มคนเหล่านี้กลับไปเฝ้าระวังที่ภูมิลำเนาแทน โดยจะให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม.เข้าไปตรวจเฝ้าระวัง แนะนำวิธีการปฏิบัติทั้งตัวผู้ที่เดินทางกลับและญาติพี่น้อง โดยมั่นใจได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะไม่ออกมาเดินเพ่นพ่านตามพื้นที่ชุมชนให้เป็นที่วิตกกังวลแน่นอน
ขณะที่ น.ต.หญิงปฐวี บุญตานนท์ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ กล่าวว่า พรุ่งนี้เช้าจะมีรถบัสโดยสารรับเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยจะมีการตรวจวัดไข้อีกครั้ง หากพบมีใครเกิดอาการป่วยก็จะนำส่งโรงพยาบาลทันที สิ่งหนึ่งที่หลายคนเป็นห่วงคือเรื่องสภาพจิตใจ คนกลุ่มนี้อาจถูกสังคมไม่ต้อนรับ จึงอยากให้ทุกพื้นที่เร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจด้วยว่าทางรัฐมีมาตรการควบคุมอย่างดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดแน่นอน ที่สำคัญโรคโควิด-19 ติดต่อได้เพียง 2 ทาง คือ ละอองฝอยจาการไอจาม มีระยะในอากาศเพียง 1 เมตร และการสัมผัสสารคัดหลั่งโดยตรงเท่านั้น ไม่มีการล่องลอยและติดกันทางอากาศ จึงอยากให้มีความเข้าใจและเคารพสิทธิของความเป็นคนไทยกันด้วย
สำหรับการส่งตัวกลับบ้านในวันพรุ่งนี้้จะใช้รถโดยสารทั้งหมด 16 คัน เป็นรถบัสใหญ่ 13 คัน และรถยนต์โดยสารขนาดเล็ก 3 คัน แบ่งออกเป็น สายอีสาน สายเหนือ สายใต้ สายชลบุรี-ระยอง สายกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นผู้อำนวยการเดินทางในรถแต่ละคัน แล้วจะเดินทางไปยังสถานที่ที่ถูกกำหนดไว้ของจังหวัดต่างๆ เมื่อถึงสถานที่ที่กำหนด สาธารณสุขจังหวัดจะเป็นผู้มารับเพื่อเดินทางต่อไปยังบ้านพัก ก่อนที่สาธารณสุขประจำตำบลจะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดการปฏิบัติตนต่างๆ