น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรืออัตราเงินเฟ้อ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 พบว่าอัตราเงินเฟ้อมีการขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 0.74 แต่เป็นการขยายตัวแบบชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ เป็นผลมาจากปัจจัยในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ปรับตัวสูงขึ้นในทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะอาหารสด อาหารสำเร็จรูป และเครื่องประกอบอาหาร เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้ง ในขณะที่กลุ่มพลังงานมีการปรับตัวลดลง ขณะที่เงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 0.89
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ขยายตัวแบบชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านั้น เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกและการลงทุนที่ชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ในขณะที่ผลกระทบทางอ้อมทำให้รายได้ของภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว การขนส่ง ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก รวมถึงการผลิตปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ ทาง สนค.ยังคงเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 0.4-1.2 โดยให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 0.8 แต่ยอมรับว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะขยายตัวไม่ถึงเป้าหมายที่ร้อยละ 0.8 เนื่องจากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนชะลอตัวลง หลังจากมีความระมัดระวังการจับจ่ายหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ในขณะนี้ยังยืนยันได้ว่า สินค้าประเภทอาหารและน้ำดื่มภายในประเทศไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน ประชาชนไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้ากักตุน และสำหรับสินค้าประเภทเจลแอลกอฮอล์ ยาฆ่าเชื้อ และสบู่ มีการยื่นขอจดทะเบียนการจัดตั้งบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 20 แห่ง และพร้อมที่จะผลิตสินค้าให้มากขึ้น เนื่องจากใช้วัตถุดิบในประเทศในการผลิตสินค้าเป็นส่วนใหญ่