น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ผู้อภิปรายทุกคนจะใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบมาแล้วเท่านั้น จะไม่มีการอภิปรายใส่ร้ายป้ายสีอย่างเด็ดขาด ซึ่งผู้อภิปรายทุกคนจะยึดเอาเนื้อหาที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยยังยืนกรอบการอภิปรายไว้ 3 ด้าน ได้แก่ ความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต่อทุกปัญหาของรัฐบาล ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว การส่งออก ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ปัญหายาเสพติด ภัยแล้ง น้ำท่วม ฝุ่นพิษหรือโรคระบาดจากไวรัสโคโรนา ที่ผู้นำรัฐบาลขาดวิสัยทัศน์และความรู้ความสามารถในการจัดการกับปัญหา รวมทั้งขาดภาวะความเป็นผู้นำในภาวะวิกฤต ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้
ด้านการทุจริตจากการออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งทุกนโยบายที่ออกมาตั้งแต่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การแจกเงินตามโครงการชิมช้อปใช้ หรือโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ล้วนแล้วแต่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มเจ้าสัว ทำให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่รวยขึ้น ขณะที่คนธรรมดากลับยากจนลง เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อประเทศในระยะยาว และการทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในหลายโครงการและหลายกระทรวง ซึ่งพบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์สูงยิ่งกว่าที่เคยมีการกล่าวหากันมาในอดีต มีการร้องเรียนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่รัฐบาลก็ไม่สนใจ ซึ่งเมื่อฝ่ายค้านเข้าไปตรวจสอบจึงพบว่ามีระดับบิ๊กเนมเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงไม่น่าแปลกใจที่องค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติจัดอันดับให้ไทยมีการคอร์รัปชันมากขึ้นยิ่งกว่าในอดีต
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว่า การอภิปรายครั้งนี้ส่วนตัวหวังว่าจะไม่เห็นความพยายามในการที่จะหามือมาโหวตให้ชนะฝ่ายค้านในสภาอีก เพราะไม่ว่าจะมาในรูปแบบของงูเห่า หรือการแจกกล้วยให้กับลิงก็ถือเป็นการกระทำที่ไร้อุดมการณ์ เพราะจำนวนมือในสภาฯ ย่อมไม่มีค่าเท่ากับความศรัทธาของประชาชน แม้รัฐบาลจะชนะเสียงโหวตในสภา แต่หากไม่สามารถสร้างศรัทธาให้กับประชาชนได้ เสียงข้างมากที่เกิดจากกลุ่มงูเห่าหรือการแจกกล้วยก็ไร้ความหมาย