ฝ่ายค้าน ตีปี๊บซักฟอก 3 ด้าน บริหารไร้ประสิทธิภาพ- เอื้อกลุ่มทุน-ทุจริตคอร์รัปชัน แย้มปม "ขยะพิษบิ๊กเนม" โยงทุจริต "สนธิรัตน์"มั่นใจรมต.สู้ศึกซักฟอกได้ ไม่กังวลอารมณ์ "บิ๊กตู่" เชื่อมีบุคลิกพิเศษ "มิ่งขวัญ" นัดแถลงจุดยืน 3 ก.พ.นี้ หลัง "พรรคเศรษฐกิจใหม่" ชิ่งจากฝ่ายค้าน
วานนี้ ( 2ก.พ.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ว่า ผู้อภิปรายทุกคน จะใช้ข้อมูล ข้อเท็จจริงที่มีการตรวจสอบมาแล้วเท่านั้น จะไม่มีการอภิปรายใส่ร้ายป้ายสีอย่างเด็ดขาด ซึ่งผู้อภิปรายทุกคน จะยึดเอาเนื้อหาที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยยังยืนกรอบการอภิปรายไว้ 3 ด้าน คือ
1.ความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต่อทุกปัญหาของรัฐบาล ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว การส่งออก ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ปัญหายาเสพติด ภัยแล้ง น้ำท่วม ฝุ่นพิษ หรือโรคระบาดจากไวรัสโคโรนา
2. การทุจริตจากการออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ตั้งแต่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การแจกเงินตามโครงการชิมช้อปใช้ หรือโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี
3. การทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในหลายโครงการ และหลายกระทรวง พบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์สูงยิ่งกว่าที่เคยมีการกล่าวหากันมาในอดีต โดยไม่คำนึงถึงเนื้องาน และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ แต่กลับคำนึงถึงแต่ค่าส่วนต่างของโครงการ จนมีการร้องเรียนมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเมื่อฝ่ายค้านเข้าไปตรวจสอบ จึงพบว่ามีพวก“ขยะพิษ”ระดับบิ๊กเนม เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
"การอภิปรายครั้งนี้ ผมหวังว่าเราคงจะไม่เห็นความพยายามในการที่จะหามือมาโหวตให้ชนะฝ่ายค้านในสภาอีก เพราะไม่ว่าจะมาในรูปแบบของงูเห่า หรือการแจกกล้วยให้กับลิง ก็ถือเป็นการกระทำที่ไร้อุดมการณ์ เพราะจำนวนมือในสภาฯ ย่อมไม่มีค่าเท่ากับความศรัทธาของประชาชน แม้รัฐบาลจะชนะเสียงโหวตในสภาฯ แต่หากไม่สามารถสร้างศรัทธาให้กับประชาชนได้ เสียงข้างมากที่เกิดจากกลุ่มงูเห่า หรือการแจกกล้วย ก็ไร้ความหมาย" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
มุ่งชำแหละ"บิ๊กตู่" เป็นพิษต่อเศรษฐกิจ
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฝ่ายค้าน ได้เตรียมผู้อภิปรายไว้ 20-30 คน ซึ่งจะมีการสรุปอีกครั้งในสัปดาห์นี้ โดยการอภิปรายจะพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นหลัก เพราะเป็นจุดศูนย์กลางของปัญหาทั้งหมด ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ ความมั่นคง และความเหลื่อมล้ำทางสังคม ตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปี ที่ผ่านมา สิ่งที่ประชาชนต้องประจักษ์และต่อสู้มาโดยตลอด คือ วิกฤตเศรษฐกิจที่ตกต่ำ จากการที่ จีดีพีเพิ่มขึ้นนั้น ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของภาวะปัญหาเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน เพราะหากภาครัฐเน้นไปที่การลงทุน และการส่งออกของธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ กลับไม่มีเงินเพื่อการจับจ่ายใช้สอย จนสังคมในโซเชียลฯ มักพูดว่า"รวยกระจุก จนกระจาย"
"การใช้นโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมาไม่ตอบโจทย์กับปัญหาในปัจจุบัน กลับเป็นการยิ่งเพิ่มปัญหาต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ เปรียบเสมือนเราทานยาผิดประเภท จึงไม่สามารถที่จะเยียวยารักษาโรคนั้นๆ ได้อย่างตรงจุด ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในครั้งนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเชื่อมั่นว่า เรามีข้อมูล และหลักฐานเพียงพอที่จะชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบว่า รัฐบาลบริหารงานอะไรที่ผิดพลาด และผิดกฎหมายข้อใดบ้าง" ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าว และว่า หลังการอภิปรายฯ สิ่งที่ประชาชนจะได้เห็นคือ ความจริงของการบริหารราชการในช่วงเกือบ 6 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะอำนาจที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ประชาชนคนไทย
"สนธิรัตน์"มั่นใจรมต.สู้ศึกซักฟอกได้
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่ามีความชัดเจนในเรื่องบุคคลแล้ว จึงพอจะเห็นประเด็นว่า ฝ่ายค้านจะหยิบประเด็นใดมาอภิปรายบ้าง ซึ่งเราจะมีการเตรียมข้อมูลไว้ชี้แจงกล่าวหาเหล่านั้น ทางพรรคมั่นใจว่า รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกคน และรัฐบาลจะตอบคำถามของฝ่ายค้านได้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหนักใจ หากมีการอภิปรายนอกกรอบ ในสิ่งที่ไม่ควรหยิบยกมาอภิปราย จึงต้องดูตอนนั้นอีกครั้งว่า สิ่งที่อภิปรายนั้น เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งต้องรอให้วิปทั้ง 2 ฝ่าย หารือกันถึงกรอบการอภิปราย เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ เพราะการอภิปรายเป็นการตรวจสอบรัฐบาล รัฐบาลเองก็มีหน้าที่ชี้แจง ส่วนที่หลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องอารมณ์ของนายกฯ นั้นตนไม่กังวล เพราะนายกฯ เป็นผู้นำ อาจมีบุคลิกที่พิเศษ กว่าคนอื่น แต่ไม่ต้องกังวล และเชื่อว่า ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน หากรัฐบาลตอบได้ชัดเจน และถือเป็นโอกาสของรัฐบาล ในการชี้แจง และตอบข้อกล่าวหา ขณะเดียวกัน ก็มั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาล จะผนึกกำลัง และช่วยกันชี้แจงในการอภิปราย
พปชร.เตรียม"องค์รักษ์"ไว้แล้ว
นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ในฐานะประธานส.ส.พรรค พปชร. กล่าวถึง แผนการรับมือหากฝ่ายค้านอภิปรายนอกกรอบ นอกประเด็น ว่า เบื้องต้นได้วางตัว ส.ส.จำนวนหนึ่ง คอยลุกขึ้นประท้วง ชี้แจงข้อเท็จจริง และตอบโต้ฝ่ายค้าน ในกรณีอภิปรายนอกประเด็นไว้แล้ว เพื่อตัดบทให้การอภิปรายเข้าสู่สาระสำคัญ และสร้างสรรค์
"ผมจะเป็นหนึ่งในคนที่จะลุกขึ้นประท้วง และตัดบทด้วยตัวเอง แม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยลุกขึ้นว่าใครในสภาฯ มาก่อน แต่ครั้งนี้หากฝ่ายค้านพูดนอกเรื่องถึงนายกฯ และรองนายกฯ ผมจะใช้สิทธิ์ทันที ผมอยากให้การเมืองสร้างสรรค์ มีสาระ ไม่ใช่มาด่ากัน ถ้าฝ่ายค้านมีหลักฐานชัดเจน ก็นำมาเสนอให้สังคมรับรู้ ไม่ใช่มาใช้เวทีสภาฯตีกิน หรือด่ารัฐบาล" นายสุชาติ กล่าว
"มิ่งขวัญ"นัดแถลงจุดยืน 3ก.พ.นี้
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว“มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ระบุว่า ตามที่มีข่าวการถอนตัวจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสการแสดงความคิดเห็นต่อตนเอง จากสื่อมวลชน และสังคม อย่างกว้างขวาง
ดังนั้น ตนขอแจ้งกำหนดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในวันจันทร์ ที่ 3 ก.พ. เวลา 11.00 น. ที่ ห้องแถลงข่าว รัฐสภา
วานนี้ ( 2ก.พ.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ว่า ผู้อภิปรายทุกคน จะใช้ข้อมูล ข้อเท็จจริงที่มีการตรวจสอบมาแล้วเท่านั้น จะไม่มีการอภิปรายใส่ร้ายป้ายสีอย่างเด็ดขาด ซึ่งผู้อภิปรายทุกคน จะยึดเอาเนื้อหาที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยยังยืนกรอบการอภิปรายไว้ 3 ด้าน คือ
1.ความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต่อทุกปัญหาของรัฐบาล ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว การส่งออก ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ปัญหายาเสพติด ภัยแล้ง น้ำท่วม ฝุ่นพิษ หรือโรคระบาดจากไวรัสโคโรนา
2. การทุจริตจากการออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ตั้งแต่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การแจกเงินตามโครงการชิมช้อปใช้ หรือโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี
3. การทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในหลายโครงการ และหลายกระทรวง พบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์สูงยิ่งกว่าที่เคยมีการกล่าวหากันมาในอดีต โดยไม่คำนึงถึงเนื้องาน และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ แต่กลับคำนึงถึงแต่ค่าส่วนต่างของโครงการ จนมีการร้องเรียนมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเมื่อฝ่ายค้านเข้าไปตรวจสอบ จึงพบว่ามีพวก“ขยะพิษ”ระดับบิ๊กเนม เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
"การอภิปรายครั้งนี้ ผมหวังว่าเราคงจะไม่เห็นความพยายามในการที่จะหามือมาโหวตให้ชนะฝ่ายค้านในสภาอีก เพราะไม่ว่าจะมาในรูปแบบของงูเห่า หรือการแจกกล้วยให้กับลิง ก็ถือเป็นการกระทำที่ไร้อุดมการณ์ เพราะจำนวนมือในสภาฯ ย่อมไม่มีค่าเท่ากับความศรัทธาของประชาชน แม้รัฐบาลจะชนะเสียงโหวตในสภาฯ แต่หากไม่สามารถสร้างศรัทธาให้กับประชาชนได้ เสียงข้างมากที่เกิดจากกลุ่มงูเห่า หรือการแจกกล้วย ก็ไร้ความหมาย" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
มุ่งชำแหละ"บิ๊กตู่" เป็นพิษต่อเศรษฐกิจ
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฝ่ายค้าน ได้เตรียมผู้อภิปรายไว้ 20-30 คน ซึ่งจะมีการสรุปอีกครั้งในสัปดาห์นี้ โดยการอภิปรายจะพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นหลัก เพราะเป็นจุดศูนย์กลางของปัญหาทั้งหมด ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ ความมั่นคง และความเหลื่อมล้ำทางสังคม ตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปี ที่ผ่านมา สิ่งที่ประชาชนต้องประจักษ์และต่อสู้มาโดยตลอด คือ วิกฤตเศรษฐกิจที่ตกต่ำ จากการที่ จีดีพีเพิ่มขึ้นนั้น ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของภาวะปัญหาเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน เพราะหากภาครัฐเน้นไปที่การลงทุน และการส่งออกของธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ กลับไม่มีเงินเพื่อการจับจ่ายใช้สอย จนสังคมในโซเชียลฯ มักพูดว่า"รวยกระจุก จนกระจาย"
"การใช้นโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมาไม่ตอบโจทย์กับปัญหาในปัจจุบัน กลับเป็นการยิ่งเพิ่มปัญหาต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ เปรียบเสมือนเราทานยาผิดประเภท จึงไม่สามารถที่จะเยียวยารักษาโรคนั้นๆ ได้อย่างตรงจุด ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในครั้งนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเชื่อมั่นว่า เรามีข้อมูล และหลักฐานเพียงพอที่จะชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบว่า รัฐบาลบริหารงานอะไรที่ผิดพลาด และผิดกฎหมายข้อใดบ้าง" ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าว และว่า หลังการอภิปรายฯ สิ่งที่ประชาชนจะได้เห็นคือ ความจริงของการบริหารราชการในช่วงเกือบ 6 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะอำนาจที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ประชาชนคนไทย
"สนธิรัตน์"มั่นใจรมต.สู้ศึกซักฟอกได้
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่ามีความชัดเจนในเรื่องบุคคลแล้ว จึงพอจะเห็นประเด็นว่า ฝ่ายค้านจะหยิบประเด็นใดมาอภิปรายบ้าง ซึ่งเราจะมีการเตรียมข้อมูลไว้ชี้แจงกล่าวหาเหล่านั้น ทางพรรคมั่นใจว่า รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกคน และรัฐบาลจะตอบคำถามของฝ่ายค้านได้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหนักใจ หากมีการอภิปรายนอกกรอบ ในสิ่งที่ไม่ควรหยิบยกมาอภิปราย จึงต้องดูตอนนั้นอีกครั้งว่า สิ่งที่อภิปรายนั้น เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งต้องรอให้วิปทั้ง 2 ฝ่าย หารือกันถึงกรอบการอภิปราย เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ เพราะการอภิปรายเป็นการตรวจสอบรัฐบาล รัฐบาลเองก็มีหน้าที่ชี้แจง ส่วนที่หลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องอารมณ์ของนายกฯ นั้นตนไม่กังวล เพราะนายกฯ เป็นผู้นำ อาจมีบุคลิกที่พิเศษ กว่าคนอื่น แต่ไม่ต้องกังวล และเชื่อว่า ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน หากรัฐบาลตอบได้ชัดเจน และถือเป็นโอกาสของรัฐบาล ในการชี้แจง และตอบข้อกล่าวหา ขณะเดียวกัน ก็มั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาล จะผนึกกำลัง และช่วยกันชี้แจงในการอภิปราย
พปชร.เตรียม"องค์รักษ์"ไว้แล้ว
นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ในฐานะประธานส.ส.พรรค พปชร. กล่าวถึง แผนการรับมือหากฝ่ายค้านอภิปรายนอกกรอบ นอกประเด็น ว่า เบื้องต้นได้วางตัว ส.ส.จำนวนหนึ่ง คอยลุกขึ้นประท้วง ชี้แจงข้อเท็จจริง และตอบโต้ฝ่ายค้าน ในกรณีอภิปรายนอกประเด็นไว้แล้ว เพื่อตัดบทให้การอภิปรายเข้าสู่สาระสำคัญ และสร้างสรรค์
"ผมจะเป็นหนึ่งในคนที่จะลุกขึ้นประท้วง และตัดบทด้วยตัวเอง แม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยลุกขึ้นว่าใครในสภาฯ มาก่อน แต่ครั้งนี้หากฝ่ายค้านพูดนอกเรื่องถึงนายกฯ และรองนายกฯ ผมจะใช้สิทธิ์ทันที ผมอยากให้การเมืองสร้างสรรค์ มีสาระ ไม่ใช่มาด่ากัน ถ้าฝ่ายค้านมีหลักฐานชัดเจน ก็นำมาเสนอให้สังคมรับรู้ ไม่ใช่มาใช้เวทีสภาฯตีกิน หรือด่ารัฐบาล" นายสุชาติ กล่าว
"มิ่งขวัญ"นัดแถลงจุดยืน 3ก.พ.นี้
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว“มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ระบุว่า ตามที่มีข่าวการถอนตัวจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสการแสดงความคิดเห็นต่อตนเอง จากสื่อมวลชน และสังคม อย่างกว้างขวาง
ดังนั้น ตนขอแจ้งกำหนดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในวันจันทร์ ที่ 3 ก.พ. เวลา 11.00 น. ที่ ห้องแถลงข่าว รัฐสภา