นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้เดินทางไปตรวจสอบเชิงลึก และเก็บข้อมูลโรงแรมเถื่อน ที่ไม่มีใบอนุญาติ ตาม พ.ร.บ.โรงแรม 2547 ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาโปลกหล่น ต.ทุ่งสมอ พื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาปางก่อ และป่าวังชมภู เขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยน้ำโจนแบะป่าวังสาร เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำป่าสักฝั่งซ้าย เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยทินและป่าคลองตีบ ฯลฯ แลป่าสงวนแห่งชาติและอุทยานแห่งชาติเข้าค้อ ซึ่งมีกว่า 600 โรงแรม พบว่า หลังจากเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมามีการนำขยะมาทิ้งเรี่ยราดหลายจุด หลายพื้นที่ในที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำ หรือพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ โดยไม่มีมาตรการการจัดเก็บ และนำไปกำจัดตามหลักสุขาภิบาล (Sanitary Landfill)ให้หมดแต่อย่างใด ชี้ให้เห็นถึงการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่เป็นอย่างดี และบางจุดมีการลักลอบเผาขยะจนก่อให้เกิดฝุ่นควันแพร่กระจายในวงกว้างด้วย ทำให้นึกถึงองค์กรปกครองส่วนท่องถิ่นในพื้นที่ นายอำเภอเขาค้อ และผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ขึ้นมาจับใจ ว่า ท่านเหล่านี้ยังสุขสบายดีกันอยู่หรือไม่
ทั้งนี้ มูลเหตุสำคัญน่าจะมาจากการปล่อยให้มีโรงแรมเถื่อน รีสอร์ท บังกะโลเถื่อนเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากโดยไม่มีมาตรการควบคุมและจัดการที่ดีพอ ทำให้ขยะจากนักท่องเที่ยวที่แห่กันมาพักผ่อนและเที่ยวชมพื้นที่เขาค้อ ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ และบางส่วนเป็นอุทยานแห่งชาติเขาค้อจนล้นศักยภาพของพื้นที่ที่จะรองรับได้ (Carrying Capacity) และที่สำคัญเหตุใดกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติฯ จึงไม่บังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวดเฉกเช่นเดียวกันกับกรณีที่กรมป่าไม้ไปจัดการรีสอร์ทเถื่อนที่ม่อนแจ่ม จ.เชียงใหม่ในขณะนี้
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนจะนำข้อมูลโรงแรม รีสอร์ท บังกะโลเถื่อนทั้งหมดที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และอุทยานแห่งชาติเขาค้อไปร้องเรียนอธิบดีกรมป่าไม้ และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดในสัปดาห์หน้าต่อไป