พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ไปยังสถานีตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี ร่วมประชุมกับ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทีมสืบสวนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) กองปราบปราม (บก.ป.) กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี (บก.ภ.จว.ลพบุรี) และตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี เพื่อติดตามไล่ล่าคนร้ายบุกชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง อ.เมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี โดยใช้อาวุธปืนเก็บเสียงยิงเปิดทาง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่ง 1 ในนั้นเป็นเด็กชายวัย 2 ขวบ ขณะเดียวกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา
ขณะที่ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคลีคลายคดีได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในห้างสรรพสินค้าฯ ที่เกิดเหตุไปแล้ว 90 ตัว เพื่อรวบรวมหลักฐาน เบาะแสทั้งก่อนและหลังคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ รวมถึงเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี โดยหลังเกิดเหตุ คนร้ายออกจากห้างฯ แล้วขี่รถหลบหนีไปตามถนนเลี่ยงเมือง เส้นทางโพธิ์เก้าต้น ซึ่งจุดนั้นสามารถออกไปจังหวัดสิงห์บุรี หรือจังหวัดอ่างทองก็ได้ อีกทั้งสามารถกลับเข้าเมืองลพบุรีได้เช่นกัน ขณะนี้กำลังแกะรอยคนร้ายอยู่ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้เร่งติดตามตัว โดยย้ำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามปั๊มน้ำมัน ทั้งเส้นทางที่หลบหนีและบริเวณโดยรอบ เพราะคนร้ายอาจใช้เป็นจุดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่ขณะก่อเหตุ รวมถึงเสื้อและกางเกงลายพราง หากพบเห็นหรือมีเบาะแสแจ้งตำรวจได้ทันที และมอบหมายให้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เป็นผู้ให้ข่าวกับสื่อมวลชน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องการขอความร่วมมือจากประชาชนที่มีกล้องหน้ารถ และสามารถจับภาพชายต้องสงสัยที่ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีขาว-แดงไว้ได้ ในช่วงเวลาก่อนและหลังเวลา 20.43 น. ค่ำวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา ขอให้ส่งภาพดังกล่าวมาเป็นหลักฐานให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย
พล.ต.ท.อำพล กล่าวว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนมีแนวทางแกะรอยคนร้าย ทั้งพยานวัตถุ และพยานบุคคล รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีความคืบหน้ามากแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัวคนร้าย เจ้าหน้าที่กำลังทำและพิสูจน์อยู่ ตำรวจจะจับเป็นหรือจับตายยังพูดไม่ได้ แต่การจับคนร้ายที่มีพฤติกรรมลักษณะแบบนี้ต้องมียุทธวิธี ส่วนตัวอยากให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนของกลางเป็นทองคำที่คนร้ายได้ไป 28 บาท เชื่อว่าคงนำไปขาย จึงขอฝากไปยังร้านรับซื้อให้แจ้งเจ้าหน้าที่มา หากพบเบาะแสหรือบุคคลต้องสงสัย จะได้ไม่เกี่ยวพันกับคนร้าย