นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขออวยพรสวัสดี ปีใหม่ 2563 แก่ทุกท่าน โดยขอคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2563 ดังนี้ เศรษฐกิจของโลกอาจจะไม่แย่นักเนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐจะถดถอยได้ผ่อนคลายลง คนสหรัฐ 67% มีความเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะดีขึ้น อีกทั้งดัชนีดาวโจนส์ก็ยังทำลายสถิติขึ้นสูงสุดอีกครั้ง ในขณะที่เศรษฐกิจของอียูก็ยังทรงๆ คงต้องจับตาผลกระทบของเบร็กซิตกันต่อไป แต่เศรษฐกิจจีนอาจจะยังไม่ดีนัก การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจน่าจะต่ำกว่าปีนี้ สงครามการค้าน่าจะยังเป็นปัญหา อีกทั้ง หนี้เสียในระบบการเงินของจีนที่มีเป็นจำนวนมากจะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นให้กับจีน
ทั้งนี้ ถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะไม่แย่นัก แต่เศรษฐกิจไทยน่าจะย่ำแย่ต่อเนื่อง จากปัจจัยเศรษฐกิจดังนี้
- การส่งออก ยังมีแนวโน้มที่ย่ำแย่ การส่งออกของไทยในปีหน้ายังคงไม่ฟื้น อย่างเก่งก็ทรงๆเท่าปีนี้ที่ติดลบมาก หรือ ถ้าขยายได้ก็ไม่น่าถึง 1% โดยอาจจะมีแนวโน้มที่ติดลบได้ จากอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อส่งออกของไทยที่เริ่มจะล้าสมัย และการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ยังมีน้อยมาก การลงทุนที่ลดลงและตกต่ำมาตลอด 5 ปีกว่าส่งผลให้การส่งออกไม่ขยายตัว อีกทั้งปีหน้าไทยจะถูกสหรัฐตัดจีเอสพีในสินค้าหลายรายการอีกด้วย ยิ่งจะทำให้การส่งออกของไทยแย่ลง
- การลงทุนภาคเอกชนทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แม้จะมีการโยกย้ายการลงทุนจากประเทศจีนมายังไทยบ้างเพื่อหนีสงครามการค้า แต่ก็ไม่น่าจะมีปริมาณมากนัก และการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับสูงมีไม่มากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่จะทำให้เกิดคลัสเตอร์แทบจะไม่มีเลย ในขณะที่นักลงทุนไทยยังคงลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- การท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้นแต่อาจจะไม่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงเหมือนในอดีต แต่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวอาจจะลดลง จากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาก อีกทั้งไทยยังไม่มีแนวทางที่จะส่งเสริมและชักจูงให้นักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูงเข้ามาเที่ยวในไทยมากเท่าที่ควร
- การบริโภคของประชาชนยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากรายได้ของประชาชนไม่เพิ่ม แถมยังลดลง รัฐบาลไม่ได้ทำตามนโยบายที่จะเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร และ ผู้ใช้ แรงงาน ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% เพิ่มเบี้ยคนชราเป็น 1000 บาท ฯลฯ ตามที่สัญญาไว้ อีกทั้งรัฐบาลไม่ได้มีนโยบายอื่นที่จะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนอย่างถาวรนอกจากการแจกเงิน
- การใช้จ่ายภาครัฐยังคงมุ่งการแจกเงินเป็นหลัก มากกว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลดำเนินอย่างล่าช้า ตลอด 5 ปีกว่าแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย ความสามารถในการแข่งขันของไทยจะยังคงย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง
จากการวิเคราะห์นี้จึงเห็นได้ว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้ายังคงจะซบเซา ทั้งนี้เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยควรจะต้องมีการเจริญเติบโต 5 % เป็นอย่างต่ำ และยุทธศาสตร์ชาติก็กำหนดเช่นนั้น ซึ่งรัฐบาลสอบตกมาตลอด 5 ปี จึงทำให้เศรษฐกิจซบเซาต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
ปัญหาที่น่ากังวลสำหรับปีหน้าคือ
- การว่างงานที่จะเพิ่มสูงขึ้นถึงกว่า 500,000 คน จากการลงทุนที่ลดลงทำให้การจ้างงานไม่เพิ่ม อีกทั้งยังจะมีโรงงานจำนวนมากที่จะปิดตัวเพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมของไทยที่เริ่มจะล้าสมัย
- หนี้เสียในระบบธนาคารจะเพิ่มขึ้น จากรายได้ของประชาชนที่ลดลง และ จากบริษัทห้างร้านที่ธุรกิจย่ำแย่ตามภาวะเศรษฐกิจและต้องปิดตัวลง
- ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่า ที่ตอนนี้แข็งค่าทะลุ 30 บาทแล้ว จะส่งผลต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย
- ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนอาจจะทนลำบากกันไม่ไหว และหมดหวังว่ารัฐบาลนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนี้ได้แล้ว
อย่างไรก็ดี ตามที่รัฐบาลอ้างว่ามี 3 ผลงาน ที่ดูเหมือนเป็นงานประจำที่รัฐบาลต้องทำอยู่แล้ว ทั้งการพัฒนาระบบคมนาคม การช่วยเกษตรกร การช่วยคนจน จึงอยากย้ำเตือนรัฐบาลว่ารัฐบาลมีผลงานที่ย่ำแย่และเสื่อมเสียให้ประชาชน 10 ผลงาน ดังนี้
1. ผลงานการทำทุกวิถีทางเพื่อจะเป็นรัฐบาลเพื่อสืบทอดอำนาจ โดยใช้ทุกกลยุทธ์โดยไม่คำนึงถึง หลักการ ความถูกต้อง และ จริยธรรม แม้กระทั่งสื่อหลักต่างประเทศหลายสำนักก็ยังวิจารณ์เรื่องนี้
2. ผลงานทำประเทศไทยย้อนยุคถอยหลังกลับไป 30 ปี ตามที่ นิเคอิ รีวิวบอก ด้วยรัฐบาลผสม 19 พรรค
3. ผลงานทำให้ประเทศไทยเป็นคนป่วยของอาเซียน และ ยิ่งป่วยหนักโดย 5 ปี เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ยต่ำมาก เพียง 3% เท่านั้น และ หลังเลือกตั้งแล้ว กลับลดต่ำลงอีก ปีนี้น่าจะเหลือเพียง 2.5% เท่านั้น และ ปีหน้าก็น่าจะพอๆ กันคือประมาณ 2%กว่า เท่านั้น
4. ผลงานแต่งตั้ง บุคคลที่มีประวัติพัวพันยาเสพติดเป็นรัฐมนตรี โดยมีการเสนอข่าวกระจายไปทั่วโลก หลังจากมีข่าวฉาวเรื่องยาเสพติดแล้วก็ยังมีข่าวฉาวเรื่องวุฒิการศึกษา แต่ยังไม่ปลดออกและยังคงดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน
5. ผลงานที่ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล บุกป่าสงวน แล้วยังไม่ถูกดำเนินคดี โดยก่อนนี้ พรรคพลังประชารัฐยังได้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในรีสอร์ทที่บุกรุกป่าสงวนอีกด้วย
6. ผลงานทำให้เกิด มี สส. งูเห่า ที่ไม่เคยมีมานานมากแล้ว โดย สส. ได้ย้ายจากพรรคฝ่ายค้านมาอยู่กับพรรคฝั่งรัฐบาล แถมรัฐบาลยังภูมิใจนำออกโชว์ อย่างไม่ละอายใจ
7. ผลงาน การไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงและให้สัญญากับประชาชนไว้ ทั้ง ค่าแรง 400-425 บาท ราคาสินค้าเกษตร ลดภาษีบุคคลธรรมดา 10% เบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 1,000 บาท ฯลฯ
8. ผลงานที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่มีความรู้ทางเศรษฐกิจ โดยอิเหนาเมาหมัด ที่เคยถามผมแต่ลืมถามตัวเองว่า “จบอะไรมา? ถึงบริหารเศรษฐกิจได้ย่ำแย่ขนาดนี้”
9. ผลงานการทำลายความเชื่อมั่นของประเทศจากข่าวสารด้านลบที่กระจายไปทั่วโลก อีกทั้งทำให้ Rule of Law ของประเทศไทยบิดเบือนไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ และยิ่งทำลายความมั่นใจของนักลงทุน
10. ผลงาน ถูกประชาชนแสดงอาการเบื่อให้เห็นต่อหน้า และเป็นตัวแทนของประชาชนจำนวนมากที่เบื่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้
นี่เป็นเพียงผลงานบางส่วนที่ประชาชนเห็นได้ชัด และประชาชนเห็นผลงานที่ย่ำแย่นี้มากกว่า 3 ผลงานที่รัฐบาลพูดถึงที่ดูเหมือนจะเป็นงานประจำ และ อิเหนาเมาหมัด ต้องถามตัวเองมากกว่า ว่ามีผลงานอะไรที่ประชาชนจำได้บ้าง นอกจากการแจกเงินที่ไม่จำเป็นต้องใช้สมองในการคิดแต่อย่างใด และยังถูก ไอเอ็มเอฟและเวิร์ลแบงค์ท้วงติงอีกต่างหากว่าไม่เกิดประโยชน์และไม่พัฒนาความสามารถแข่งขันของประเทศ โดยหวังว่ารัฐบาลจะได้มีเวลาทบทวนและพิจารณาผลงานของตัวเองในช่วงปีใหม่นี้ และถ้าหากรัฐบาลรู้ตัวว่าไม่ไหวก็ไม่ควรจะฝืนอีกต่อไปแล้ว น่าจะให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารจะดีกว่า ประเทศจะได้ไม่ล้าหลังและย่ำแย่ลงไปอีก