ธปท.ระบุส่งออกปีนี้ติดลบ 3.3% จากส่งออก 11 เดือนติดลบ 3.4% คาดจีดีพีปีนี้โต 2.5% ปีหน้าหวัง 2.8% ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจเดือน พ.ย.หดตัวต่อเนื่อง
น.ส.พรเพ็ญ สดศรีชัย ผู้อำนวยการสำนักวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจ ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ส่งออกปีนี้มีแนวโน้มหดตัวประมาณ 3.3% หลัง 11 เดือนหดตัวไป 3.4% โดยเดือน ธ.ค. ส่งออกจะติดลบน้อยกว่าเดือน พ.ย. เพราะมาจากฐานที่ต่ำ โดยส่งออกปีหน้ามองไว้ที่ 0.5%
มูลค่าการส่งออกมีการหดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเดือน พ.ย สินค้าหดตัว 7.7% จากระยะเดียวกันปีก่อน ใกล้เคียงกับมูลค่าการส่งออกที่ไม่รวมทองคำ โดยเป็นการหดตัวในเกือบทุกหมวดสินค้า จากภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังหดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ประกอบกับมีปัจจัยชั่วคราวจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันบางแห่ง ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าในหมวดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมหดตัวทั้งด้านราคาและปริมาณ
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างการผลิต และการค้าโลกจากสภาวะกีดกันทางการค้าที่ผ่านมายังทำให้สินค้าไทยบางส่วนถูกทดแทนด้วยสินค้าจากจีนในตลาดอาเซียน โดยการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปขยายตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งการส่งออกสินค้าในภาพรวมที่หดตัวส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวสอดคล้องกัน
มูลค่าการนำเข้าสินค้าเดือน พ.ย.หดตัว 13.9% จากระยะเดียวกันปีก่อน หากไม่รวมการนำเข้าทองคำหดตัว 15.4% โดยเป็นการหดตัวในเกือบทุกหมวดสินค้าสอดคล้องต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางหดตัวต่อเนื่อง ตามการนำเข้าน้ำมันดิบเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันบางแห่ง การนำเข้าสินค้าทุนหดตัวตามการนำเข้าเครื่องกังหันไอพ่นและอุปกรณ์ด้านโทรคมนาคมเป็นสำคัญ และการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงหดตัว ตามการนำเข้าอาหารทะเลเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นผลของฐานสูงในปีก่อน
ส่วนตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ของปี 62 คาดเติบโตใกล้เคียงที่ 2.5% ส่งผลให้ปีนี้จีดีพีจะเป็นไปตามคาดที่ 2.5% ส่วนปีหน้าอยู่ที่ 2.8% หลักๆ มาจากการส่งออก และการลงทุน โดยส่งออกขึ้นกับการค้าโลกที่คาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะดีกว่าปีนี้ แต่ความไม่แน่นอนยังมีอยู่ ส่วนการลงทุนปีหน้าภาครัฐจะลงทุนต่อเนื่อง แม้ว่าการเบิกจ่ายงบประมาณจะล่าช้าไปกว่าคาด ซึ่งอยากเห็นเอกชนลงทุนเพิ่มเติม เพราะที่ผ่านมา ลงทุนน้อยเกินไป ตอนนี้ภาวะทุกอย่างเอื้อต่อภาคเอกชนให้ลงทุน ควรใช้เวลานี้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยการลงทุนเอกชนปี 63 มองไว้ที่ 3.4% และการลงทุนภาครัฐ 6.3%
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนพฤศจิกายนนี้ เศรษฐกิจไทยในเดือน พ.ย. 62 ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยการส่งออกสินค้าหดตัวต่อเนื่องตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ส่งผลให้การนำเข้าสินค้า การผลิตภาอุตสาหกรรม และเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสอดคล้องกัน
สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน ด้านเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนยังอยู่ในทิศทางชะลอตัว โดยมาตรการภาครัฐมีส่วนช่วยพยุงกำลังซื้อบางส่วน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
ส่วนเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวต่อเนื่องจากระยะเดียวกันปีก่อนจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ประกอบกับอัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ภาคธุรกิจยังคงชะลอการลงทุน โดยเครื่องชี้การลงทุนหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์หดตัวต่อเนื่องทั้งการนำเข้าสินค้าทุน ยอดขายเครื่องจักรในประเทศ และยอดจดทะเบียนรถยนต์
ขณะที่เครื่องชี้การลงทุนหมวดก่อสร้างหดตัวต่อเนื่องตามพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญ สอดคล้องต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างเพื่ออุตสาหกรรมขยายตัวดีขึ้น รวมทั้งพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างเพื่อการพาณิชย์และอื่นๆ กลับมาขยายตัวได้ในเดือนนี้
เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อน แต่ยังคงอยู่ในทิศทางชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี ตามปัจจัยด้านรายได้ของลูกจ้างนอกภาคเกษตรกรรม และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังแผ่วอยู่ รวมทั้งสถาบันการเงินที่ยังระมัดระวังในการให้สินเชื่อรถยนต์ตามคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลง
อย่างไรก็ดี มาตรการภาครัฐยังคงมีส่วนช่วยพยุงกำลังซื้อได้บางส่วน ในเดือนนี้เครื่องชี้การใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนและหมวดบริการชะลอลง หลังจากเร่งขึ้นในเดือนก่อนตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ขณะที่การใช้จ่ายในหมวดสินค้ากึ่งคงทนและหมวดสินค้าคงทนหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่องที่ 5.9% จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเป็นไปตามคาดที่ 39.9 ล้านคน จากเดือน พ.ย.62 อยู่ที่ 35.9 ล้านคน โดยเป็นผลจากมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrival ที่มีส่วนทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีน อินเดีย และไต้หวันขยายตัว ภาวะเศรษฐกิจของรัสเซียที่เริ่มฟื้นตัว และการเพิ่มเส้นทางการบินจากรัสเซียมาไทย ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียขยายตัวดีขึ้น
ทางด้านนักท่องเที่ยวสัญชาติเอเชียอื่นยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง เช่น นักท่องเที่ยวลาว และญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศชะลอลงจากเดือนก่อน เนื่องจากฐานจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ต่ำในปีก่อนจากเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวล่มที่จังหวัดภูเก็ตทยอยหมดลง
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.21% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานที่หดตัวน้อยลงตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับสูงขึ้นจากเดือนก่อน และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 0.47% สำหรับอัตราการว่างงานที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน
ขณะที่จำนวนผู้มีงานทำทรงตัว ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุล ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจากด้านสินทรัพย์ ตามการออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ โดยเฉพาะในตราสารทุน และการออกไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศของนักลงทุนไทย