น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จะหารือกรมศุลกากรถึงการพิจารณาเก็บภาษีจากผู้ประกอบการจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตร ที่ผ่านมาสารเคมีต่างๆ ที่นำเข้ามาได้รับการยกเว้นภาษีโดยระบุว่า เพื่อช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกร ขณะที่ผู้ประกอบการก็ยังส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งไม่มีการเก็บภาษีส่งออกเช่นกัน การเก็บภาษีดังกล่าวมีวัตถุประสงค์จะนำรายได้จากการเก็บภาษีมาใช้วิจัยพัฒนาภาคเกษตร โดยเฉพาะส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ ในลักษณะเดียวกับการเก็บภาษีสุราและบุหรี่ แล้วนำมาใช้ส่งเสริมการดูและรักษาสุขภาพประชาชน
ส่วนประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรยกร่างเพื่อใช้ควบคุมโรงงานผลิตและแบ่งบรรจุสารเคมีทางการเกษตร โดยนำมาตรฐาน ISO มากำกับเพื่อไม่ให้มีการลักลอบแบ่งบรรจุ ซึ่งที่ผ่านมาพบผู้ประกอบการผสมสารเคมีที่สำคัญสำหรับกำจัดวัชพืชและศัตรูพืชเจือจางหรือผสมสารอื่นที่ไม่เป็นไปตามทะเบียน รวมทั้งกำหนดให้โรงงานต้องมีห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพและความเป็นพิษของสารเคมีได้ตามมาตรฐานสากล ทั้งนี้ หากยกร่างประกาศกระทรวงเกษตรฯ เสร็จแล้ว จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเพื่อทราบ จากนั้นจะนำเสนอนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงนามเพื่อบังคับใช้ต่อไป
ขณะเดียวกัน น.ส. มนัญญา เปิดเผยด้วยว่า ได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรรายงานการดำเนินการสารเคมี 3 ชนิด ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายมาตรการจำกัดการใช้สารเคมีวัตถุอันตรายทางเกษตร โดยต้องรายงานทุก 15 วัน เพื่อจะได้ทราบว่า พาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งเลื่อนการแบนในวันที่ 1 มิถุนายน 2563 สตอกลดลงไปแค่ไหน ส่งออกหรือจำหน่ายแก่เกษตรกรไปจำนวนเท่าไร สำหรับ 2 สารนี้ไม่อนุญาตให้นำเข้าแล้ว ส่วนไกลโฟเซต ซึ่งมีมติไม่แบน จากนี้ไปต้องลดปริมาณการนำเข้าลงให้สอดคล้องกับมาตรการจำกัดการใช้