“ปลัดคลัง” สั่ง “สศค.-กทม.-มหาดไทย” ร่วมหารือเพื่อแก้ปัญหาความสับสนและข้อกังวลของประชาชนในการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของห้องชุดในคอนโดมิเนียม ย้ำเหตุวัตถุประสงค์ในกฎหมายคอนโดมิเนียมได้กำหนดให้ใช้เป็นที่อยู่อาศัย แม้เจ้าของจะนำไปปล่อยให้เช่าต่อเพื่อการอาศัยแต่ไม่ควรต้องเสียภาษี เว้นจะเป็นการให้เช่าเพื่อทำร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ จึงจะเข้าข่ายต้องเสียภาษีจากการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ประชาชนกำลังมีความกังวลถึงเรื่องการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเจ้าของที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ซึ่งได้รับจดหมายแจ้งให้ไปดำเนินการเสียภาษี โดยระบุว่า ผู้เป็นเจ้าของต้องเสียภาษีในลักษณะที่ดินอื่นๆ หรือในเชิงพาณิชย์ เพื่อดำเนินการเสียภาษีล้านละ 3,000 บาท แต่หากในกรณีที่ตนไม่ต้องการเสียภาษีเชิงพาณิชย์แล้วก็ให้ไปแจ้งว่าเป็นที่พักอาศัย ทั้งนี้ ในกรณีที่เป็นเจ้าของที่พักหลังแรกนั้นจะได้รับการยกเว้นภาษี แต่หากเป็นที่บ้านหลังที่ 2 จะต้องเสียภาษีล้านละ 200 บาท
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังรับทราบถึงข้อกังวลของประชาชนในเรื่องดังกล่าวนี้แล้ว โดยปัญหาดังกล่าวทำให้เกิดความสับสนค่อนข้างมาก ตนจึงได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปหารือถึงทางออกร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และกระทรวงมหาดไทย อีกทั้งตนมองว่า แม้เจ้าของจะได้นำห้องของตนไปปล่อยเช่าต่อเพื่ออยู่อาศัยก็ตาม แต่คอนโดมิเนียมทุกห้องนั้นไม่ควรต้องเสียภาษีตามการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากในกฎหมายคอนโดมิเนียมนั้นไม่ได้อนุญาตให้ดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ ดังนั้น การเก็บภาษีดังกล่าวน่าจะมีความชัดเจนแล้ว ยกเว้นในกรณีที่นำห้องคอนโดมิเนียมไปใช้ประโยชน์ด้วยการทำร้านขายอาหาร หรือทำร้านสะดวกซื้อ จึงจะเรียกเก็บภาษีในลักษณะของการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้
ส่วนในกรณีผู้ถือครองที่ดินจำนวนมาก เช่น หมื่นไร่ หรือแสนไร่ นั้น หากนำไปปล่อยให้เช่า จะถูกตีความว่าเป็นการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ แต่หากให้เช่าเพื่อทำการเกษตรก็ควรคิดภาษีในอัตราตามการใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรแทนที่จะคิดภาษีในลักษณะเชิงพาณิชย์ เนื่องจากกระทรวงการคลังอยากให้มองถึงประโยชน์สุดท้ายในการใช้ที่ดินมากกว่า ส่วนกรณีที่เป็นสิ่งปลูกสร้างให้พิจารณาตามวัตถุประสงค์ในการขออนุญาตว่าเป็นไปเพื่อที่พักอาศัย หรือเป็นไปเพื่อเชิงพาณิชย์ เช่น การสร้างหอพัก อพาร์ตเมนต์ หรือโรงแรมเพื่อให้เช่า แต่หากมีการตรวจพบการนำสิ่งปลูกสร้างไปใช้ประโยชน์ผิดประเภทแล้ว เช่น ในกรณีมีการนำคอนโดมิเนียมให้เป็นโรงแรมหรือทำหอพักให้เช่าแล้ว จะต้องเรียกให้ผู้ที่เป็นเจ้าของมาแจ้งเปลี่ยนการใช้วัตถุประสงค์การใช้คอนโดมิเนียมของตัวเองใหม่ เพื่อให้เสียภาษีอย่างถูกต้องตามลักษณะการใช้ประโยชน์ที่แท้จริง