ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ทางรอดอนาคตใหม่ กับ เสียงประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่านเสียงประชาชนในโลกโซเชียล (Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 2,737 ตัวอย่าง และเสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม (Traditional Voice) จำนวน 1,144 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 11-14 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ผลสำรวจพบว่า เมื่อสอบถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง ส.ส. ควรทำอย่างไรเพื่อความอยู่รอดของตนเอง และช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้ด้วย พบว่า เกินครึ่ง หรือร้อยละ 51.5 ระบุ ควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 34.3 ระบุ ควรเข้าร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และร้อยละ 14.2 ยังไม่รู้ ไม่แน่ใจ
ที่น่าสนใจ คือ ร้อยละ 40.0 ระบุ ควรเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย รองลงมา ร้อยละ 18.3 ระบุ ควรเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 15.9 ระบุ พรรคชาติไทยพัฒนา ร้อยละ 13.5 ระบุ พรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 12.3 ระบุ พรรคพลังประชารัฐ ตามลำดับ
ที่น่าเป็นห่วง คือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 82.5 ระบุ ความขัดแย้งทางการเมืองมีผลทำให้เศรษฐกิจแย่ลงไปอีก มากถึงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 17.5 ระบุ น้อยถึงไม่มีผลเลย
ที่น่าพิจารณา คือ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนว่ามีคนอื่นอีกหรือไม่ที่จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย นอกเหนือไปจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 53.3 ระบุ ไม่มี ขณะที่ร้อยละ 10.0 ระบุว่า มี ได้แก่ ธนาธร ร้อยละ 4.5 ระบุ ปิยบุตร ร้อยละ 1.6 และคนอื่นๆ ร้อยละ 3.9 ส่วนที่เหลือร้อยละ 36.7 ระบุ ยังไม่รู้ใครจะทำได้ ไม่ตอบ
ผศ.ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจเสียงประชาชนในโลกโซเชียลผ่านระบบ Net Super Poll พบว่า เรื่องของพรรคอนาคตใหม่กำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียลทั้งหมด 32,109,909 คน แต่มีคนที่สนใจพูดเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ในโลกโซเชียล จำนวน 165,937 คน อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับต่อเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ที่ค้นพบครั้งนี้ เป็นเสียงตอบรับเชิงบวกร้อยละ 52.3 และเสียงตอบรับเชิงลบมีร้อยละ 47.7
นอกจากนี้ จากข้อมูลที่ค้นพบ ชี้ให้เห็นว่าเรื่องของพรรคอนาคตใหม่น่าจะมีทางออกไปตามกระบวนการประชาธิปไตยได้ไม่ยากนัก ถ้าไม่เกิดความรุนแรงบานปลาย คือ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง ประชาชนส่วนใหญ่ก็มีทางออกให้พรรคอนาคตใหม่ด้วยความสงบเรียบร้อยโดยไม่มีการเสนอทางออกใดด้วยวิถีแห่งความรุนแรง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ความกลัวและความกังวลของประชาชนที่จะเกิดเหตุวุ่นวายซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศให้แย่ลงไปอีกมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ถ้าทุกคนในชาติหันมาช่วยกันป้องกันเหตุรุนแรงบานปลายด้วยการบริหารอารมณ์ได้ บ้านเมืองก็น่าจะเดินหน้าต่อไปไม่หยุดชะงัก ส่วนใครปลุกระดมและก่อเหตุรุนแรงบานปลายก็ต้องถูกจัดการตามกระบวนการยุติธรรมและกระบวนการทางสังคม อย่าให้มาทำร้ายสังคมได้อีก เนื่องจากเมื่อถึงจุดหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง คนไทยส่วนใหญ่เลือกที่จะรับความสงบตามเพลงชาติที่พรรคอนาคตใหม่และกลุ่มผู้สนับสนุนได้ร่วมกันร้องด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเมื่อเย็นวานนี้