นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊ก “ทนายวันชัย สอนศิริ” ระบุว่า เงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้หมดอนาคต
เห็นมีการถกเถียงกันเรื่องเงินบริจาค หรือเงินกู้ยืมหรือประโยชน์อื่นใดของพรรคอนาคตใหม่ จนทำให้เกิดความสับสนกัน แต่ที่แน่ๆ กกต.เห็นว่าผิด ส่งเรื่องให้ยุบพรรคไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ผมจะไม่พูดเรื่องเงินกู้ เงินบริจาค หรือประโยชน์อื่นใด ความจริงมันก็เรื่องเดียวกันคือห้ามรับหรือบริจาคเงินเกินกว่า 10 ล้านบาท ขอฟันธงตรงไปว่าเงิน 191 ล้านบาท คุณจะตีว่าเป็นเงินอะไรก็แล้วแต่ แต่มันเกิน 10 ล้านบาทแน่นอน ใครทำขนาดนี้ก็ครอบงำพรรคการเมืองนั้นได้แล้ว สั่งซ้ายหันขวาหันเพราะฉันเป็นเจ้าของเงิน
มาดูมาตรา 72 พ.ร.บ.พรรคการเมืองกันชัดๆ “ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
มาตรานี้มีอยู่ 2 เรื่อง คือ เงินสกปรก เงินค้ายาเสพติด เงินการพนัน เงินสีเทา ลักชิงวิ่งปล้น ฉ้อโกง แชร์ลูกโซ่ อยู่ในหลักที่ว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เป็นการฟอกเงินนั่นแหละ อันนี้ชัดเจน ใครรับใครบริจาคก็ต้องถูกยุบพรรค แต่อีกเรื่องหนึ่งคือเงินที่รู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันนี้เป็นคนละเรื่องกับเงินสกปรกสีเทา ค่อยๆดูค่อยๆอ่านจะเข้าใจ อย่าเอาไปพันมั่วๆ กัน
ขออธิบายอย่างง่ายๆ ว่า กฎหมายห้ามฆ่าคน คุณเอาเงินบริสุทธิ์มาจ้างฆ่าคน ขี่รถไปฆ่าคน ขี่รถเอาปืนโทรศัพท์ติดต่อไปฆ่าคน ถือว่าทั้งเงินทั้งปืนทั้งรถเป็นของที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งนั้น หรือห้ามติดสินบนเจ้าพนักงาน เอาเงินมา โทรศัพท์ติดต่อมา ถือว่าทั้งคนรับคนให้นั้นผิด ทั้งเงินและโทรศัพท์ก็ถือว่าใช้ในการกระทำผิดด้วย เงินบริสุทธิ์ซื้อเสียงก็เช่นกัน รวมทั้งมีคำพิพากษาฎีกาเยอะแยะในหลายเรื่องว่าเงินกู้ถูกต้องแต่คิดดอกเบี้ยผิดกฎหมาย จ่ายเช็คชำระหนี้ เช็คฉบับนั้นก็ใช้ไม่ได้
สรุปได้ว่า ทั้งคนให้คนรับบริจาคเงินกู้หรือประโยชน์อื่นใดผิดกฎหมาย เงินที่รับมานั้นก็เป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าไม่มีตัวเงินเป็นองค์ประกอบในการกระทำความผิดก็ไม่ครบ เรื่องง่ายๆ แค่นี้อย่าตีความให้เฉไฉ
เมื่อทำความผิดตามมาตรา 72 นี้ กฎหมายบอกก็ต้องถูกยุบพรรค เขาไม่ต้องการให้ใครเอาเงินมาฟาดหัวพรรคการเมือง ฟาดหัวสมาชิกพรรคให้กลายเป็นลูกจ้างของบริษัทเหมือนพรรคการเมืองในอดีต และใครขืนทำเช่นนี้เขาก็ถือว่า พรรคการเมืองนั้นไม่เป็นพรรคการเมือง เป็นบริษัทที่ถูกอิทธิพลทางการเงินครอบงำได้ ก็ไม่สมควรที่จะเป็นพรรคการเมืองต่อไป อยากจะเอาเงินฟาดหัวใครก็กลับไปเป็นเจ้าของบริษัทของตัวเอง
เหตุผลง่ายๆ มีแค่นี้แหละ ไม่เห็นต้องถกเถียงตีความกันไปให้มาก บางคนที่ทำตัวเป็นหางเครื่องก็จะพลอยหมดอนาคตไปด้วย กฎหมายง่ายๆไม่เห็นมีอะไรซับซ้อนเลย อย่าตีความเข้าข้างตัวเองหรือพรรคพวกจะหมดอนาคตเสียผู้เสียคนไปเปล่าๆ